พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,182 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อน: คำฟ้องเดิมกับคำฟ้องใหม่ที่มีสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับเดียวกัน
ผู้จัดการมรดกในฐานะตัวแทนของทายาทรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่พิพาท คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ในคดีนี้มาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกจากที่พิพาทเดียวกันอีก ฟ้องทั้งสองจึงเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน เพราะสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับเป็นอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบำเหน็จตัวแทนกับการเป็นนายหน้า: การกระทำที่เป็นผลจากการเป็นตัวแทนย่อมไม่ใช่การเป็นนายหน้า
โจทก์เป็นตัวแทนในการให้เช่าซื้อที่ดินของจำเลย การที่โจทก์จัดให้มีการเช่าซื้อที่ดินเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเป็นตัวแทนที่ดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้แก่จำเลย หาใช่เป็นผลจากการเป็นนายหน้าไม่โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการเชิดตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ
คำฟ้องของโจทก์แม้มิได้บรรยายว่าใครเป็นตัวแทนหรือเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทนแต่โจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยกระทำการโดยตัวแทนผู้จัดการดำเนินกิจการของจำเลย เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นในการก่อสร้างที่จำเลยประมูลได้ย่อมเป็นฟ้องที่ชัดแจ้งซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวมถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเอง โดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้รับเหมาว่าได้มอบให้ ส. ช่างประจำบริษัทจำเลย และ ฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้างถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ., ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่าบุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวมถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเอง โดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้รับเหมาว่าได้มอบให้ ส. ช่างประจำบริษัทจำเลย และ ฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้างถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ., ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่าบุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการเชิดตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำฟ้องของโจทก์แม้มิได้บรรยายว่าใครเป็นตัวแทนหรือเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทนแต่โจทก์ก็ได้บรรยายว่า จำเลยกระทำการโดยตัวแทนผู้จัดการดำเนินกิจการของจำเลย เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้วเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับชำระหนี้ที่ตัวแทนได้ก่อขึ้นในการก่อสร้างที่จำเลยประมูลได้ย่อมเป็นฟ้องที่ชัดแจ้งซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวม ถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเองโดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จ้างเหมาว่าได้มอบให้ ส.ช่างประจำบริษัทจำเลยและฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้าง ถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ.,ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย. ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่า บุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
การตั้งตัวแทนที่ต้องทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น มิได้หมายรวม ถึงการเป็นตัวแทนโดยการเชิดตามมาตรา 821 แม้บริษัทจำเลยจะได้จ้าง ฉ. และ ก. เป็นผู้รับเหมาช่วงทำการก่อสร้างการประปาซึ่งจำเลยเป็นผู้ประมูลได้ แต่จำเลยได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างเองโดยทำป้ายปักไว้ ณ ที่ก่อสร้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ก่อสร้าง ทั้งจำเลยได้มีหนังสือถึงผู้จ้างเหมาว่าได้มอบให้ ส.ช่างประจำบริษัทจำเลยและฉ. เป็นตัวแทนของจำเลยประจำสถานที่ก่อสร้าง ถือได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิด ฉ.,ส. และ ก. เป็นตัวแทนของตน จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งบุคคลทั้งสามนั้นได้ซื้อจากโจทก์ไปใช้ในการก่อสร้างแก่โจทก์ผู้ขาย. ซึ่งเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลทั้งสามเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ภายหลังโจทก์จะทราบว่า บุคคลทั้งสามนั้นไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยก็หาทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไม่
โจทก์ฟ้องบริษัทจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ที่ผู้จัดการดำเนินการก่อสร้างกระทำแทนบริษัทจำเลย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้เชิดผู้ดำเนินการก่อสร้างเป็นตัวแทนของตน ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยรับผิดได้ไม่เป็นการนอกคำฟ้องคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนและการรับผิดของตัวแทนและตัวการเมื่อตัวแทนกระทำนอกเหนืออำนาจ
จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับเงินจากลูกค้าและอนุมัติให้ขายน้ำมันได้แล้ว จำเลยที่ 3 มีอำนาจออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้าและควบคุมการจ่ายน้ำมันให้ลูกค้า ในชั้นสอบสวนคดีอาญาที่จำเลยที่ 3 ต้องหาว่าฉ้อโกงโจทก์ จำเลยที่ 3 รับว่ารับเงินเดือนจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อได้เฉพาะแต่ผู้ที่เป็นลูกค้าที่ได้ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ 1 ที่สำนักงานใหญ่เท่านั้น การที่จำเลยที่ 3 เอาชื่อปั๊มซึ่งเป็นลูกค้าที่ได้ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ 1 ซื้อน้ำมันจากจำเลยที่ 1 มาขายให้โจทก์ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนืออำนาจ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้สัตยาบัน จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 เมื่อไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 ดำเนินการโดยปราศจากอำนาจ จำเลยที่3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์โดยลำพัง
การนำสืบของโจทก์ยังไม่ได้ความชัดว่า ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 3 ส่งมอบน้ำมันเมื่อใด หากจำเลยที่ 3 ต้องใช้ราคาน้ำมันแทนจึงให้จำเลยที่ 3 เสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
การนำสืบของโจทก์ยังไม่ได้ความชัดว่า ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 3 ส่งมอบน้ำมันเมื่อใด หากจำเลยที่ 3 ต้องใช้ราคาน้ำมันแทนจึงให้จำเลยที่ 3 เสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีโดยตัวแทน: การมอบอำนาจให้บุคคลทั่วไปฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ขัดต่อกฎหมายทนายความ
โจทก์มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาอื่น ๆ เป็นการมอบให้ ส. เป็นตัวแทนของโจทก์ มีฐานะเป็นคู่ความในนาม ของโจทก์ ส. มีอำนาจเรียงคำฟ้องแทนโจทก์ได้ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 16
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2791-2792/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของตัวแทน, หนังสือมอบอำนาจ, สัญญาซื้อขาย, การบอกเลิกสัญญา, ค่าบำเหน็จนายหน้า
นิติบุคคลที่จะเป็นตัวแทนฟ้องความแทนผู้อื่นตามที่ได้รับมอบอำนาจไม่จำต้องมีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนฟ้องความอีกต่างหากถ้าเรื่องที่เป็นความอยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 263/2503)
หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาลแห่งเมืองนั้นโดยมีสถานกงสุลไทยรับรองมาอีกชั้นหนึ่งว่าตราที่ประทับในหนังสือมอบอำนาจเป็นตราที่ถูกต้องของศาลชั้นสูงใบมอบอำนาจนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์และจำเลยมีเจตนาจะให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาซื้อขายเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนตามมาตรา 387 แต่เมื่อจำเลยมิได้บอกเลิกสัญญากลับขอให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาถือว่าจำเลยและโจทก์มิได้ถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญต่อไปต่อมาจำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ทันทีไม่ได้ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาก่อนเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาได้
เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ชี้ช่องให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยได้ทำสัญญากันเสร็จจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามที่จำเลยกับโจทก์ที่ 2 ได้ตกลงกันไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าคู่สัญญาจะได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นในเวลาต่อไปหรือไม่
หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาลแห่งเมืองนั้นโดยมีสถานกงสุลไทยรับรองมาอีกชั้นหนึ่งว่าตราที่ประทับในหนังสือมอบอำนาจเป็นตราที่ถูกต้องของศาลชั้นสูงใบมอบอำนาจนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์และจำเลยมีเจตนาจะให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาซื้อขายเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนตามมาตรา 387 แต่เมื่อจำเลยมิได้บอกเลิกสัญญากลับขอให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาถือว่าจำเลยและโจทก์มิได้ถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญต่อไปต่อมาจำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ทันทีไม่ได้ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาก่อนเมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาได้
เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ชี้ช่องให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยได้ทำสัญญากันเสร็จจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามที่จำเลยกับโจทก์ที่ 2 ได้ตกลงกันไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าคู่สัญญาจะได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นในเวลาต่อไปหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2791-2792/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของตัวแทน, หนังสือมอบอำนาจ, สัญญาซื้อขาย, การบอกเลิกสัญญา, ค่าบำเหน็จนายหน้า
นิติบุคคลที่จะเป็นตัวแทนฟ้องความแทนผู้อื่นตามที่ได้รับมอบอำนาจไม่จำต้องมีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนฟ้องความอีกต่างหากถ้าเรื่องที่เป็นความอยู่ในขอบเขตวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้น(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 263/2503)
หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาลแห่งเมืองนั้นโดยมีสถานกงสุลไทยรับรองมาอีกชั้นหนึ่งว่าตราที่ประทับในหนังสือมอบอำนาจเป็นตราที่ถูกต้องของศาลชั้นสูงใบมอบอำนาจนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์และจำเลยมีเจตนาจะให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาซื้อขายเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนตามมาตรา 387 แต่เมื่อจำเลยมิได้บอกเลิกสัญญากลับขอให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา ถือว่าจำเลยและโจทก์มิได้ถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญต่อไป ต่อมาจำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ทันทีไม่ได้ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาก่อน เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาได้
เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ชี้ช่องให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยได้ทำสัญญากันเสร็จจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามที่จำเลยกับโจทก์ที่ 2 ได้ตกลงกันไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าคู่สัญญาจะได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นในเวลาต่อไปหรือไม่
หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยเจ้าหน้าที่ศาลแห่งเมืองนั้นโดยมีสถานกงสุลไทยรับรองมาอีกชั้นหนึ่งว่าตราที่ประทับในหนังสือมอบอำนาจเป็นตราที่ถูกต้องของศาลชั้นสูงใบมอบอำนาจนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
โจทก์และจำเลยมีเจตนาจะให้วัตถุประสงค์แห่งสัญญาซื้อขายเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยก็ชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อนตามมาตรา 387 แต่เมื่อจำเลยมิได้บอกเลิกสัญญากลับขอให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปโดยไม่ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา ถือว่าจำเลยและโจทก์มิได้ถือเอากำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญต่อไป ต่อมาจำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ทันทีไม่ได้ต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาก่อน เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาได้
เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ชี้ช่องให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยได้ทำสัญญากันเสร็จจำเลยก็ต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามที่จำเลยกับโจทก์ที่ 2 ได้ตกลงกันไว้โดยไม่ต้องคำนึงว่าคู่สัญญาจะได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นในเวลาต่อไปหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจัดตั้งสาขาธนาคาร: ผลผูกพันแม้ผู้ลงนามไม่ใช่ตัวแทนโดยตรง & อายุความสัญญา 10 ปี
โจทก์จำเลยมีเจตนาจะทำสัญญาต่อกัน และได้ทำสัญญาขึ้นโดย ช. ลงชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายโจทก์ ถึงแม้ ช. จะมิใช่ผู้แทนของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่จำเลยก็ทราบดีว่า ช. ลงชื่อในฐานะตัวแทนโจทก์และโจทก์จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาต่อกันตลอดมา สัญญาดังกล่าวย่อมเป็นผลผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจัดตั้งสาขาธนาคาร: ผลผูกพันสัญญา แม้ผู้ลงนามไม่ใช่ตัวแทนโดยตรง และอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์จำเลยมีเจตนาจะทำสัญญาต่อกัน และได้ทำสัญญาขึ้นโดย ช.ลงชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายโจทก์ถึงแม้ ช. จะมิใช่ผู้แทนของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่จำเลยก็ทราบดีว่า ช. ลงชื่อในฐานะตัวแทนโจทก์และโจทก์จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาต่อกันตลอดมา สัญญาดังกล่าวย่อมเป็นผลผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน