คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามรายงาน ไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะรังวัดที่ดินตามคำกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง และสิทธิเรียกร้องค่าทนายความ
ที่ดินที่โจทก์ขอออกโฉนดมิใช่ที่สงวนไว้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ตามประกาศหวงห้ามฯ นายอำเภอสั่งคนไปรังวัดสำรวจคัดค้านการออกโฉนดว่าเป็นที่สงวนตามประกาศหวงห้าม แต่คนเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามที่กำนันผู้ใหญ่บ้านรายงานมา ไม่จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่เป็นละเมิด
โจทก์ไม่ได้แต่งทนายความ ไม่มีค่าทนายความที่โจทก์ต้องเสียศาลไม่ให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากเจ้าพนักงาน: การคืนรถยนต์ยึดแก่ผู้ซื้อโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด
รถยนต์โจทก์ถูกคนร้ายลักไป และได้มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนขายต่อกันเป็นทอด ๆ จนกระทั่งถึงบริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด รับซื้อไว้โดยสุจริตและได้ให้ผู้มีชื่อเช่าซื้อต่อไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยึดรถยนต์คันดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในคดี เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดไว้ต่อไป จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยอธิบดีปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจได้มีคำสั่งให้คืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ซึ่งอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์รถยนต์คันนั้นตามกฎหมาย ดังนี้ เป็นการสั่งคืนโดยชอบไม่ผิดหน้าที่ เพราะโจทก์ก็ยอมรับว่าบริษัทดังกล่าวซื้อรถยนต์ไว้โดยสุจริต และที่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งไปเช่นนั้นก็ไม่มีผลให้บริษัทผู้ครอบครองรถยนต์อยู่ได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายเพราะชอบที่จะฟ้องเรียกเอาคืนจากบริษัทนั้นได้ ทั้งก่อนจะคืนรถยนต์จำเลยที่ 2 ก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าโจทก์จะคัดค้านให้ฟ้องศาลภายใน 1 เดือนหากฟ้องแล้วจะเก็บรักษารถยนต์ไว้จนกว่าศาลจะชี้ขาดให้คืนแก่ฝ่ายใด แสดงว่า จำเลยที่ 2 สั่งการโดยใช้ความระมัดระวัง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ฎีกาอ้างว่า จำเลยกับพวกซึ่งนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียนยานพาหนะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าข้อนี้โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือโต้เถียงเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันไว้ในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตอบโต้ด้วยสุจริตเพื่อปกป้องชื่อเสียง: การใส่ความและการป้องกันส่วนได้เสีย
ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การที่หนังสือพิมพ์ของโจทก์นำรูปจำเลยไปรวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายและอาชญากรในหน้าปกหนังสือพิมพ์ เป็นการทำให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจำเลยเป็นบุคคลประเภทเดียวกับคนร้ายและอาชญากรเหล่านั้น ทำให้จำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยย่อมมีสิทธิตอบโต้โดยสุจริตเพื่อให้การกระทำดังกล่าวของโจทก์ไร้ผล ไม่มีคนเชื่อ ดังนั้น การที่จำเลยกล่าวต่อหน้าสาธารณชนว่า "โจทก์เป็นบรรณธิการ จิตใจต่ำช้ามาก จิตใจเลวทรามต่ำช้ามาก ........ ไอ้คนปัญญาทรามอย่างนี้ ผมไม่มีวันไปร่วมด้วย" ย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับฟังไม่เลื่อมใสโจทก์ อันมีผลทำให้ผลร้ายที่จำเลยได้รับจากการกระทำของโจทก์ลดน้อยถอยลง เป็นการห้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนโดยสุจริตตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1077/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตอบโต้ด้วยสุจริตเพื่อปกป้องชื่อเสียง: ข้อยกเว้นความผิดหมิ่นประมาท
ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การที่หนังสือพิมพ์ของโจทก์นำรูปจำเลยไปรวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายและอาชญากรในหน้าปกหนังสือพิมพ์เป็นการทำให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าจำเลยเป็นบุคคลประเภทเดียวกับคนร้ายและอาชญากรเหล่านั้นทำให้จำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยย่อมมีสิทธิตอบโต้โดยสุจริต เพื่อให้การกระทำดังกล่าวของโจทก์ไร้ผล ไม่มีคนเชื่อ ดังนั้น การที่จำเลยกล่าวต่อหน้าสาธารณชนว่า "โจทก์เป็นบรรณาธิการ จิตใจต่ำช้ามาก จิตใจเลวทรามต่ำช้ามาก .......ไอ้คนปัญญาทรามอย่างนี้ผมไม่มีวันไปร่วมด้วย" ย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับฟังไม่เลื่อมใสโจทก์ อันมีผลทำให้ผลร้ายที่จำเลยได้รับจากการกระทำของโจทก์ลดน้อยถอยลง เป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนโดยสุจริตตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1077/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดโฉนดโดยสุจริต แต่ขาดความยินยอมจากเจ้าของ สิทธิในการยึดถือไม่มีผล
จำเลยยึดโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้โดยสุจริต เชื่อว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ถ. นำมาวางประกันกู้เงินจำเลยซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์เรียกโฉนดคืนจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภริยาไม่จดทะเบียนกล่าวถ้อยคำต่อผู้มีความสัมพันธ์กับสามีด้วยความหึงหวงสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ภริยาไม่จดทะเบียนของชาย กล่าวกับหญิงที่มีความสัมพันธ์กับชายว่า "คุณเป็นข้าราชการจะแย่งผัวฉัน ดูซิว่าจะมีผิดไหม" เพราะหญิงนั้นสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกับชายจริง กล่าวด้วยความหึงหวงโดยสุจริตด้วยความชอบธรรมเพื่อป้องกันส่วนได้เสียตามคลองธรรม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) ไม่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายจากหนังสือมอบอำนาจปลอมเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของเจ้าของเดิม แม้ผู้รับซื้อฝากจะสุจริต
จำเลยปลอมใบมอบอำนาจโจทก์ไปโอนโฉนดขายที่ดินของโจทก์ให้ตนเองแล้วขายฝากต่อไป ต้องถือว่ามิได้มีนิติกรรมการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเกิดขึ้นเลย กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ตามเดิม แม้ผู้รับซื้อฝากจะจดทะเบียนรับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ผู้รับซื้อฝากก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การที่โจทก์มอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยยึดถือเพราะได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันไว้ และจำเลยได้วางมัดจำไว้กับโจทก์แล้วด้วย ย่อมมีเหตุอันสมควรในการที่โจทก์จะมอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยไว้ จะว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายจากหนังสือมอบอำนาจปลอมเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของเดิม ผู้รับซื้อฝากสุจริตก็ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์
จำเลยปลอมใบมอบอำนาจโจทก์ไปโอนโฉนดขายที่ดินของโจทก์ให้ตนเองแล้วขายฝากต่อไป ต้องถือว่ามิได้มีนิติกรรมการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเกิดขึ้นเลยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ตามเดิมแม้ผู้รับซื้อฝากจะจดทะเบียนรับซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตามผู้รับซื้อฝากก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การที่โจทก์มอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยยึดถือเพราะได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันไว้ และจำเลยได้วางมัดจำไว้กับโจทก์แล้วด้วยย่อมมีเหตุอันสมควรในการที่โจทก์จะมอบโฉนดที่พิพาทให้จำเลยไว้จะว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ใช้สิทธิบังคับคดีโดยสุจริต แม้ร้านค้าไม่ได้เป็นของลูกหนี้โดยตรง ไม่ถือเป็นการละเมิด
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเชื่อว่าร้านค้าเป็นของลูกหนี้ จึงยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ในร้าน เป็นการใช้สิทธิทางศาลโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ไม่สุจริตจงใจให้โจทก์เสียหาย ไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แม้เจ้าหนี้อ้างสุจริต หากรู้ถึงภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
บริษัทลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้ชำระบัญชีจึงตกลงประนอมหนี้กับเจ้าหนี้บางรายที่เป็นผู้ทรงเช็คโดยขอชำระหนี้ 21.2% เพื่อให้คดีอาญาที่เจ้าหนี้ตามเช็คบางรายฟ้อง กรรมการบริษัทลูกหนี้เป็นอันระงับไป ดังนี้ เมื่อเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คดังกล่าวรับชำระหนี้ตามข้อตกลงในการประนอมหนี้นั้น โดยรู้ถึงภาระหนี้สินล้นพ้นตัวของบริษัทลูกหนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าเจ้าหนี้รับชำระหนี้โดยสุจริตตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114
มาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 30 ระบุชัดแจ้งว่ามิได้ห้ามเฉพาะการโอนทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงการกระทำใดๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วย ดังนั้น การชำระหนี้ของบริษัทลูกหนี้ตามข้อตกลงประนอมหนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามความหมายแห่งมาตราดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างบริษัทลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ให้เจ้าหนี้คืนเงินที่รับไปและให้เสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินดังกล่าวนับแต่วันศาลสั่งเพิกถอนไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เจ้าหนี้คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยโดยมิได้กล่าวว่าให้ชำระตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด ดังนี้ เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ไขเพิ่มความให้ครบได้
of 117