คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1991/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต – อายุความ 1 ปี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งจ่ายเงินผิดประเภท โดยไม่มีอำนาจ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้จังหวัดได้รับความเสียหาย กรณีเช่นนี้เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 โจทก์ต้องฟ้องภายในอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดของกลางโดยอธิบดีศุลกากร แม้ศาลไม่ริบของกลาง ก็ไม่เป็นการละเมิด
การที่อธิบดีศุลกากรที่สั่งขายทอดตลาดของที่ยึดตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ แม้ต่อมาศาลจะสั่งไม่ริบของที่ยึดนั้นก็ตาม คำสั่งของอธิบดีที่สั่งขายไปนั้นก็ยังเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขายของที่ยึดนั้นไปตามคำสั่งของอธิบดีศุลกากรดังกล่าว จึงหาเป็นการละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองเกินอำนาจตัวแทน ความประมาทเลินเล่อของผู้มอบอำนาจ และผลกระทบต่อผู้รับจำนองโดยสุจริต
จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้ ล.เอาทีดินของจำเลยไปจำนองไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนข้อความในใบมอบอำนาจให้ ล. กรอกเอาเอง ต่อมา ล.กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจว่า ล.เป็นผู้มีอำนาจจำนอง และจำนองโจทก์ไว้เป็นเงิน 200,000 บาทดังนี้หาทำให้การตั้งตัวแทนเป็นโมฆะไม่ แต่เป็นเรื่องที่ ล.ทำเกินอำนาจของตน ซึ่ง ล.จะต้องรับผิดต่อจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่ทางปฎิบัติของจำเลยทำให้โจทก์เชื่อว่าการที่ ล.จำนองโจทก์ถึง 200,000 บาทนั้น อยู่ในอำนาจของ ล. เพราะถ้าจำเลยจะให้บุคคลอื่นรู้ว่า ล.มีอำนาจจำนองได้เพียง 60,000 บาท ก็ชอบที่จะเขียนจำนวนเงินที่จะจำนองลงในหนังสือมอบอำนาจให้ปรากฎชัด การที่จำเลยละเลย ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับจำนองโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้แทน-ความรับผิดบริษัท: เช็คสลักหลัง-ประทับตรา-ผู้แทนมีอำนาจ-บริษัทต้องรับผิด
บริษัทจำเลยมี ง.กับล.เป็นกรรมการอำนวยการย. เป็นรองผู้จัดการและเหรัญญิก ง. ติดต่อขอยืมเงินจากโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยต้องการเงิน โจทก์นำเงินที่จะให้ยืมมาพบกับ ง. ที่สำนักงานบริษัทจำเลย และขอให้ ง.ออกเช็คให้เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินยืมนี้ง.บอกให้รอย. เมื่อย. มาแล้วย.ก็เอาเช็คที่ผู้อื่นออกให้แก่ผู้ถือมาประทับตราบริษัทจำเลยและเซ็นชื่อย. เองมอบให้โจทก์ โจทก์จึงมอบเงินยืมให้แก่ ย. ดังนี้ เมื่อตามข้อบังคับของบริษัทปรากฏว่า ง. โดยลำพังก็มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทจำเลยได้โดยต้องประทับตราของบริษัทไว้ด้วย แสดงว่า ง. มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้แทนโดยชอบของบริษัทจำเลยได้โดยลำพัง การที่ ง.ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นในการที่ ย. เซ็นชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของบริษัทจำเลยนั้น ย่อมต้องถือว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นเองด้วยจึงต้องถือว่าบริษัทจำเลยเชิด ย. ออกแสดงเป็นตัวแทนในการสลักหลังเช็ครายนี้ให้แก่โจทก์
ผู้แทนและเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาศัยตำแหน่งหน้าที่แอบอ้างชื่อของบริษัทหาประโยชน์ใส่ตัว ถ้าบุคคลภายนอกมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว บริษัทก็จะอ้างเอาการที่ผู้แทนของตนกระทำทุจริตมาบอกปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเขตจังหวัดชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ แต่กระทรวงมหาดไทยมอบอำนาจข้าหลวงตรวจการดำเนินการได้
ในปี พ.ศ.2498 ยังไม่มีบทกฎหมายหรือกฎข้อบังคับใดที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะถึงวิธีปฏิบัติในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด เมื่อไม่แน่ว่าท้องที่หมู่บ้านหนึ่งอยู่ในเขตของจังหวัดใดในระหว่าง 2 จังหวัด ทีมีเขตติดต่อกัน กระทรวงมหาดไทยมอบให้ข้าหลวงตรวจการมหาดไทยภาคเป็นประธานของคณะกรรมการ ให้มีอำนาจกำหนดเขตระหว่าง 2 จังหวัดนี้ให้แน่นอน แล้วว่าการกำหนดเขตระหว่างจังหวัดนี้ไม่จำต้องทำเป็นประกาศกำหนดเขตตำบล โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457เพียงแต่ทำเป็นบันทึกข้อตกลงระหว่างจังหวัดทั้งสองพร้อมทั้งทำแผนที่แสดงแนวเขตให้ชัดแจ้งเก็บไว้เป็นหลักฐานทั้งทำแผนที่แนวเขตให้ชัดแจ้งเก็บไว้เป็นหลักฐานก็พอแล้ว ข้อหลวงตรวจการ ฯ ภาคจึงปฏิบัติการตามคำสั่งดังนี้ การกำหนดเขตจังหวัดทั้งสองจึงเป็นการชอบแล้ว
ในปี พ.ศ.2498 นั้น ตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลได้ถูกยุบเลิกไปก่อนแล้ว ไม่มีสมุหเทศาภิบาลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะขออนุมัติในการที่จะเปลี่ยนแปลงเขตหมู่บ้านและตำบลตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 6 แต่เมื่ออำนาจหน้าที่ในการบริหารตรวจการของสมุหเทศาภิบาลย่อมตกไปอยู่กับกระทรวงมหาดไทยกระทรวงมหาดไทยสั่งการและมอบให้ข้าหลวงตรวจการ ฯ ภาค เป็นผู้ดำเนินการกำหนดเขตจังหวัดให้แน่นอน การที่ข้าหลวงตรวจการ ภาคกำหนดเขตจังหวัดจึงเป็นการชอบ แม้จะมีผลเป็น+เปลี่ยนแปลงเขตหมู่บ้านและตำบลด้วย ในปี พ.ศ.2497 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 ออกใช้แล้ว การเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดหรือเขตอำเภอจะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 32 และ 39 ผู้ว่าราชการภาคไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดได้ ถ้าผู้ว่าราชการภาคกำหนดแนวเขตจังหวัดใหม่ ทำให้ที่พิพาทซึ่งเคยอยู่ในเขตจังหวัดจะต้องไปอยู่ในเขตจังหวัด บ.ก็ยังต้องถือว่าที่พิพาทยังขึ้นอยู่กับจังหวัด จ. ศาลจังหวัด จ. มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายและการดำเนินคดีเช่าซื้อควบคู่กัน
กรณีประนอมหนี้ก่อนมีคำพิพากษาให้ล้มละลายนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่หมดอำนาจและหน้าที่ในคดีล้มละลายจะนำ มาตรา 63 ซึ่งใช้สำหรับการประนอมหนี้หลังจากพิพากษาให้ล้มละลายแล้วมาบังคับไม่ได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ที่จำเลยเช่าซื้อไปแล้วผิดนัดไม่ชำระราคาค่าเช่าซื้อ 2 งวด ติดกันคดียังพิพาทกันอยู่ว่าฝ่ายใดผิดสัญญาจำเลยก็ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีเช่าซื้อแทนจำเลยทั้งได้โอนสิ่งของที่โจทก์ฟ้องเรียกคืนในคดีเช่าซื้อเข้าในกองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายตาม มาตรา 109(3) ด้วยนั้น คดีที่พิพาทกันเรื่องเช่าซื้อก็ยังต้องดำเนินต่อไป ยังไม่มีทางที่จะให้โจทก์คดีเช่าซื้อไปขอรับชำระหนี้ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 91 ในชั้นนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แก่ทนายความผู้รับมอบอำนาจ: การผูกพันของตัวการต่อบุคคลภายนอก
ทนายความซึ่งได้รับมอบอำนาจในการบังคับคดีตามใบมอบอำนาจที่กระทำตามแบบพิมพ์ของกองหมายนั้น ย่อมไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา แต่ถ้าปรากฏว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เคยชำระหนี้ บางงวดแก่ทนายความผู้รับมอบอำนาจเล่นนั้น และผู้มอบอำนาจได้เคยแสดงออกว่า รับรู้ถึงการรับเงินนั้น ดังนี้ ย่อมมีเหตุอันควรที่จะทำให้ลูกหนี้ดังกล่าวเชื่อว่าทนายความผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจรับเงินชำระหนี้แทนผู้มอบอำนาจได้ ฉะนั้น ลูกหนี้ผู้ชำระหนี้แก่ทนายความผู้รับมอบอำนาจโดยสุจริตและโดยมีเหตุอันควรเชื่อเช่นนั้น ย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822
(เรื่องใบมอบอำนาจตามแบบพิมพ์นี้ วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจของหัวหน้าคณะปฏิวัติหลังยึดอำนาจ: ประกาศคณะปฏิวัติมีผลเป็นกฎหมาย
คณะปฏิวัติได้ทำการยึดอำนาจปกครองประเทศได้เป็นผลสำเร็จ หัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบ้านเมือง ข้อความใดที่หัวหน้าคณะปฏิวัติสั่งบังคับประชาชนก็ต้องถือว่าเป็นกฎหมาย แม้พระมหากษัตริย์จะมิได้ทรงตราออกมาด้วยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎรหรือสภานิติบัญญัติของประเทศก็ตาม ฉะนั้น ประกาศของคณะปฏิวัติซึ่งประกาศคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติบังคับแก่ประชาชนจึงเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในการปกครองในลักษณะเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจของคณะปฏิวัติหลังยึดอำนาจ: ประกาศคณะปฏิวัติมีผลเป็นกฎหมาย
คณะปฏิวัติได้ทำการยึดอำนาจปกครองประเทศได้เป็นผลสำเร็จหัวหน้าคณะปฏิวัติย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบ้านเมือง ข้อความใดที่หัวหน้าคณะปฏิวัติสั่งบังคับประชาชนก็ต้องถือว่าเป็นกฎหมาย แม้พระมหากษัตริย์จะมิได้ทรงตราออกมาด้วยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎรหรือสภานิติบัญญัติของประเทศก็ตาม ฉะนั้น ประกาศของคณะปฏิวัติซึ่งประกาศคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติบังคับแก่ประชาชนจึงเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในการปกครองในลักษณะเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเข้าใจผิดเรื่องอำนาจออกใบขนสุรา ทำให้ไม่มีเจตนาขนสุราโดยผิดกฎหมาย จึงไม่มีความผิด
จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งไปยังร้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันเป็นปกติแต่ทางที่ขนไปนั้นต้องผ่านเข้าเขตอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้ขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีเจตนาขนสุราโดยไม่มีใบขนอันถูกต้อง จึงไม่มีความผิด
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
of 98