คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9604/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้รอการลงโทษ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไข
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้รอการลงโทษ หากโจทก์ไม่พอใจก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 เมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์และศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมยังไม่ถึงที่สุดและศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่รอการลงโทษจำคุกได้ แม้ในวันที่ศาลชั้นต้นอ่าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จะล่วงเลยระยะเวลารอการลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและจำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติครบถ้วนแล้วก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9559/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง, สมคบกันกระทำผิด, พยานหลักฐานแน่นหนา, ศาลยืนตามอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้ขู่บังคับผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์ไปจากบริเวณที่จำเลยทั้งสองพบผู้เสียหายครั้งแรกไปจนถึงกระท่อมนาที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยพวกจำเลยยืนคุมอยู่ การกระทำชำเราในลักษณะเช่นนี้ จำเลยทั้งสองและพวกได้กระทำในลักษณะติดต่อกันและอยู่คุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ เป็นการสมคบกันกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9557/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทอาญา ต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด แม้ไม่มีการอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 300 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ววางโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน โดยมิได้ระบุให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ส่วนนี้จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง โดยระบุให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 300 อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9439/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์เรื่องค่าฤชาธรรมเนียมโดยมิได้อ้างเหตุความไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นการอุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียว โดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น อุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 168 จึงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9439/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมต้องห้ามตามมาตรา 168 หากมิได้อ้างเหตุค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับซึ่งเป็นดุลพินิจที่ศาลจะสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 วรรคหนึ่ง ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์เฉพาะเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเพียงอย่างเดียวโดยอ้างว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยเจตนาจะทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีรวมทั้งค่าทนายความไปเป็นจำนวนมาก จึงควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนผู้ซื้อทรัพย์นั้น อุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 168 จึงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9332/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลแรงงานในการอนุญาตถอนฟ้อง และข้อจำกัดในการอุทธรณ์
ป.วิ.พ.มาตรา 175 วรรคสอง ต้องนำมาใช้ในการพิจารณาคดีแรงงาน โดยนัยแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ จึงเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาลแรงงานในการอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9332/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องในคดีแรงงาน: ศาลแรงงานมีดุลพินิจอนุญาตได้ อุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง ต้องนำมาใช้ในการพิจารณาคดีแรงงาน โดยนัยแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ จึงเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาลแรงงานในการอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9276/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ส่งผลให้ศาลปฏิเสธรับอุทธรณ์และไม่มีสิทธิฎีกา
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ อ้างว่าได้ขอทุเลาการบังคับคดีไว้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยต้องปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ไม่สามารถขอทุเลาการบังคับได้ ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งยกคำร้อง ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นมีผลเป็นการปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ การที่ศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดอีกครั้งหนึ่ง โดยให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายใน 15 วัน แต่จำเลยยังคงยืนยันปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดดังกล่าวด้วย การยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคัดค้านคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ยืนยันไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียม แต่ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้เท่านั้น หาได้มีคำขอประการอื่นไม่ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ย่อมมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ย่อมเป็นที่สุด ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 236 จำเลยไม่มีสิทธิที่จะฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9276/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ทำให้ศาลปฏิเสธการรับอุทธรณ์ และคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
คำสั่งศาลชั้นต้นมีผลเป็นการปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์พร้อมคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยที่ยื่นด้วยเหตุที่จำเลยไม่ยอมนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามที่บทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดศาลชั้นต้นได้เปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง โดยให้จำเลยนำเงินมาวางภายใน 15 วัน แต่จำเลยยังคงยืนยันปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามด้วยการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคัดค้านคำสั่งปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีนั้นต่อศาลอุทธรณ์ยืนยันไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียม และขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยไว้ ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ย่อมมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาคดี ไม่อุทธรณ์ได้ตามมาตรา 226(1)
จำเลยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยยื่น คำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าการขาดนัด เป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรให้ยกคำร้อง คำสั่ง ศาลชั้นต้นดังกล่าวมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้น จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดี จึงต้องห้ามมิให้ อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดีตาม มาตรา 226(1)
of 349