พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและเงินสด การพิสูจน์การระงับหนี้ต้องมีหลักฐานชัดเจน ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดหากพิสูจน์การชำระหนี้ไม่ได้
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แม้ จะ รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เคยนำเช็คไปชำระหนี้เงินกู้รายพิพาท แก่ โจทก์ แต่ก็ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คนั้น หนี้ เงินกู้ ราย นี้ จึงยังคงมีอยู่ตามหนังสือสัญญากู้ การที่จำเลยที่ 2 นำสืบ ว่า จำเลย ที่ 1นำเงินสดตามเช็คไปชำระแก่โจทก์จนครบและ รับ เช็ค คืน จากโจทก์แล้วนั้นเป็นการนำสืบให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้ เงินกู้ ตามสัญญากู้รายพิพาทได้ระงับแล้วโดยจำเลยที่ 1 นำ เงินสด ไป ชำระ ให้แก่โจทก์ จึงเป็นการนำสืบการใช้เงินตามความหมาย แห่ง ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคสอง จำเลยที่ 2 ไม่มีหลักฐานเป็น หนังสือ ลง ลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารอันเป็น หลักฐาน แห่ง การกู้ยืมเงินนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนแล้ว จึง รับฟัง ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้แก่โจทก์ที่ 1 สำหรับเช็ค ที่ อ้างว่า นำ ไปชำระหนี้เงินกู้นั้นก็ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม จำเลย ที่ 2 จึง ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3600/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญากู้เงิน/ขายลดเช็ค: ฟ้องภายใน 10 ปีได้ แม้เช็คขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยมูลของสัญญากู้เงินและสัญญาขายลดเช็ค มิใช่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยตรง สัญญากู้เงิน และขายลดเช็ค กฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 แม้ เช็คตามฟ้องซึ่งจำเลยที่ 1 นำมาขายลดนั้นขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ไปแล้ว โจทก์ก็ยังฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งสองได้ภายในอายุความ 10 ปี จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ มีหน้าที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ให้ถูกต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้ แต่กลับละเลยไม่สนใจชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมมีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากจำเลยเรื่อยไปตามกฎหมาย จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเกินกำหนด 1 เดือน: สิทธิไล่เบี้ยผู้สลักหลังเป็นอันสิ้นสุด
เช็คให้ใช้เงินเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็ค แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงยื่นเช็คต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินเกินกำหนด 1 เดือน นับแต่วันออกเช็ค ตามมาตรา 990 แห่ง ป.พ.พ. ดังนี้ โจทก์สิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเกินกำหนด: สิทธิไล่เบี้ยผู้สลักหลังสิ้นสุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990
เช็คให้ใช้เงินเมืองเดียวกันกับที่ออกเช็คระบุวันออกเช็คลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2529 แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงยื่นเช็คต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินวันที่ 11 กรกฎาคม 2529 จึงเกินกำหนด 1 เดือนนับแต่วันออกเช็คนั้น ตามที่มาตรา 990 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บังคับไว้ โจทก์จึงสิ้นสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันสั่งจ่ายเช็คหลังส่งมอบให้ผู้ทรง ผู้สั่งจ่ายยังคงต้องรับผิดชำระเงิน
ขณะโจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลย วันที่ลงในเช็คพิพาทยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข การแก้ไขเปลี่ยนแปลงมีขึ้นหลังจากที่โจทก์รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยแล้ว เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทกซึ่งเป็นผู้ทรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่แก้ไข: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้ผู้ทรง แม้มีการแก้ไขวันที่
ขณะโจทก์รับเช็คพิพาทจากจำเลย วันที่ลงในเช็คพิพาทยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข การแก้ไขเปลี่ยนแปลงมีขึ้นหลังจากที่โจทก์รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยแล้ว เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ สลักหลังไม่ขาดสาย โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้มีข้ออ้างเรื่องหุ้นส่วน
เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ และไม่เข้าข่ายที่จะเป็นตั๋วเงินเสียตามมาตรา 1008 ทั้งมีการสลักหลังไม่ขาดสายโจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย: การสลักหลังต่อเนื่องและการครอบครองเช็ค
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ และไม่เข้าข่ายที่จะเป็นตั๋วเสีย ทั้งมีการสลักหลังไม่ขาดสาย โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมิได้ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุใด จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ จำเลยให้การว่า มิได้สลักหลังเช็คพิพาท แต่กลับนำสืบว่าจำเลยสลักหลังเช็คเพียงเพื่อแสดงว่าเช็คพิพาทผ่านห้างหุ้นส่วนมามิใช่สลักหลังเพื่อรับผิดนั้น จึงเป็นการสืบนอกเหนือและขัดกับคำให้การ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเช็คและการระงับซึ่งหนี้เดิม ผู้ค้ำประกันมีหน้าที่รับผิดชอบหนี้
มูลหนี้เดิมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 คือหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ได้ทำไว้กับโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน และยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1ได้ชำระหนี้ดังกล่าวด้วยเช็คดังนี้ มูลหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินจะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อได้มีการชำระเงินตามเช็คนั้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 321 วรรคสาม ปรากฏว่าเมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ฉะนั้น มูลหนี้เดิมตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ได้ทำไว้กับโจทก์จึงยังไม่ระงับ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามมูลหนี้เดิมและให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมได้ โจทก์ระบุอ้างตั๋วสัญญาใช้เงินต่อศาลไว้แล้ว แต่มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยที่ 2 ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน ผู้ร่วมกระทำผิดมีส่วนรับผิดชอบ
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้น มิได้หมายความว่า ผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้
จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้
จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้