พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4259/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: การกระทำที่แสดงถึงความรู้เห็นเป็นใจแม้ไม่มีส่วนร่วมโดยตรง
จำเลยเป็นพี่ชาย ส. แต่ปฏิเสธอ้างว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่อยู่ในกระโปรงท้ายรถของ ส. ปรากฏว่าก่อนเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ ส. และจับกุมภริยาของ ส. กับพวกได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่ง ส่วน ส. หลบหนีไปได้ จำเลยซึ่งมีบ้านอยู่เยื้องฝั่งถนนตรงกันข้ามย่อมทราบดีว่า ส. เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ การที่ ส. นำรถยนต์ของกลางมาจอดภายในโรงจอดรถใต้ถุนบ้านของจำเลยนับว่าเป็นเรื่องผิดปกติเนื่องจากบริเวณบ้านของ ส. มีพื้นที่เพียงพอที่จะจอดรถยนต์ของกลางได้ ทั้งการที่รถยนต์ของกลางไม่ได้ถูกล็อกหรือไม่มีลายนิ้วมือของจำเลยอยู่ที่รถยนต์คันดังกล่าว ก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าจำเลยไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลาง การกระทำของจำเลยเพียงแต่ช่วยปกปิดซ่อนเร้นเมทแอมเฟตามีนของ ส. ก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ ส. ครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายตามฟ้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ การคำนวณปริมาณสารบริสุทธิ์ และการปรับบทลงโทษ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ให้แก่ อ. แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ข้อ 1.3 โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ 2 มาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.376 กรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง และเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาในข้อ 1.3 จึงครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.376 กรัม ซึ่งเป็นการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนมาตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์แล้ว เมื่อเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง จึงคำนวณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ได้เช่นเดียวกันว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป โดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป กรณีจึงลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง ได้ ซึ่งตามมาตรา 100/1 บัญญัติว่า ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกและปรับ ให้ศาลลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ โดยคำนึงถึงการลงโทษในทางทรัพย์สินเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง โดยไม่ปรับด้วยนั้น จึงไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการกระทำผิดยาเสพติด: จำหน่ายให้ผู้อื่นนำไปจำหน่ายต่อ แม้ไม่ร่วมครอบครอง ศาลลงโทษฐานสนับสนุน
ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเกิดในท้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตาก พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสุโขทัยไม่มีอำนาจสอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นการขอให้ศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งต้องกระทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิใช่ขอมาในคำแก้ฎีกา จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
ก่อนเกิดเหตุ ส. ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยเพื่อนำมาจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง มิใช่จำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้ ส. นำไปจำหน่ายก่อน แล้ว ส. จึงโอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนให้จำเลยโดย ส. ได้กำไรผลต่างที่นำไปจำหน่ายเกินกว่าราคาต้นทุน เมื่อ ส. ซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยแล้ว เมทแอมเฟตามีนของกลางย่อมตกเป็นของ ส. เพียงลำพัง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับ ส. แม้ก่อนที่จะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้ ส. เมทแอมเฟตามีนอยู่ในความครอบครองของจำเลยก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2551 เวลากลางวัน แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดวันดังกล่าวเท่านั้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้เพราะเกินกว่าที่กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 กับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องเกี่ยวกับเวลาซึ่งมิถือว่าต่างกันในข้อสำคัญ อย่างไรก็ตามการที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ ส. ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ส. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 กับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
ก่อนเกิดเหตุ ส. ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยเพื่อนำมาจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง มิใช่จำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้ ส. นำไปจำหน่ายก่อน แล้ว ส. จึงโอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนให้จำเลยโดย ส. ได้กำไรผลต่างที่นำไปจำหน่ายเกินกว่าราคาต้นทุน เมื่อ ส. ซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยแล้ว เมทแอมเฟตามีนของกลางย่อมตกเป็นของ ส. เพียงลำพัง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับ ส. แม้ก่อนที่จะจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้ ส. เมทแอมเฟตามีนอยู่ในความครอบครองของจำเลยก็ตาม แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2551 เวลากลางวัน แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดวันดังกล่าวเท่านั้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้เพราะเกินกว่าที่กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 กับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องเกี่ยวกับเวลาซึ่งมิถือว่าต่างกันในข้อสำคัญ อย่างไรก็ตามการที่จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ ส. ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ส. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 กับ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6665/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: การซ่อนของกลางแสดงเจตนาครอบครอง
การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษเป็นเรื่องความรับผิดทางอาญา เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 มิได้บัญญัติความหมายพิเศษของคำว่า มีไว้ในครอบครองไว้ จึงต้องถือตามความหมายทั่วไปว่า การมียาเสพติดให้โทษอยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของตนโดยรู้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษเป็นการมีไว้ในครอบครองแล้ว ขณะเกิดเหตุเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส 2 ซอง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.395 กรัม ของกลางวางอยู่ใกล้ตัวจำเลยที่ 3 และเมื่อจำเลยที่ 3 เห็นพันตำรวจโท ป. กับพวก ก็นำเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใสดังกล่าวไปซ่อนไว้ในเสื้อชั้นในทันที ถือว่าเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส อยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของจำเลยที่ 3 แล้ว เมื่อจำเลยที่ 3 รู้ว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 มีเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดใส ของกลางไว้ในครอบครอง และเมื่อของกลาง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.395 กรัม กรณีจึงต้องด้วยบทสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ ก. ว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แล้วจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 240,000 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และในฟ้องข้อ ค. โจทก์บรรยายว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แสดงว่า สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์ขอให้ลงโทษ 2 กระทง กระทงแรกในความผิดที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด กระทงหลังในส่วนที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับจำนวน 2,200 เม็ด จากนั้นในวันเดียวกันและทันทีต่อเนื่องกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีก 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ถือว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนรวม 2,462 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันอันเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกัน จึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากได้เพราะเกินคำขอและต้องห้ามนั้น จึงไม่ถูกต้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 2,200 เม็ด และจำหน่ายให้แก่สายลับไปหมดแล้ว ต่อมาในวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง โดยเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองและจำหน่ายไปในตอนแรกจำนวน 2,200 เม็ด กับที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในตอนหลังจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง เป็นคนละจำนวนกัน แม้เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายไปในตอนแรก เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่การมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดที่มีเจตนาในการกระทำผิดแยกจากกันได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำหน่ายให้สายลับไปจำนวน 2,200 เม็ด และยังร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนอยู่ที่บ้านอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง อีกส่วนหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6426/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) แม้เป็นส่วนหนึ่งของยาที่ครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย ถือเป็นความผิดอีกกระทง
จำเลยนำเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ติดตัวไปที่บ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านที่ ณ. พักอาศัยอยู่ พบ ณ. กับ น. และพวกรวมประมาณ 5 ถึง 6 คน ซึ่งไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร และทั้งหมดนั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันบริเวณด้านหลังของบ้านที่เกิดเหตุ โดยจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครอง 2 เม็ด ออกมาวางตรงกลางเพื่อจำเลยและทุกคนได้เสพ ถือเป็นการกระทำอันเป็นการแพร่กระจายยาเสพติดให้โทษไปสู่บุคคลอื่น เข้าลักษณะแจกจ่าย ซึ่งอยู่ในความหมายของการจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว การที่ น. หยิบเอาเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ดไว้ แม้ น. และบุคคลอื่นเหล่านั้นจะยังไม่ทันได้เสพก็ตาม การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด โดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมเป็นความผิดสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แม้เมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด จะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ซึ่งต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2560)
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมเป็นความผิดสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แม้เมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด จะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ซึ่งต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2560)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4338/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์ร่วมเดินทางและรับรู้การกระทำผิด
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และพาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปพักค้างคืนอยู่ที่อำเภอฝางและอำเภอเชียงดาวรวมเป็นเวลาถึง 4 วัน และจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ไปรับยาเสพติดของกลางจากผู้ส่งยาเสพติดทางภาคเหนือดังกล่าว แสดงถึงข้อพิรุธที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดเวลา ทั้งยาเสพติดของกลางที่ตรวจพบในรถตู้ดังกล่าวนั้น มีจำนวนมาก จำเลยที่ 3 ย่อมสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายเมื่อจำเลยที่ 1 ไปรับยาเสพติดของกลางมาจากผู้ส่งยาเสพติด การที่ยาเสพติดดังกล่าวซุกซ่อนอยู่บริเวณหลังเบาะของคนขับซึ่งขณะจับกุมนั้นมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับ จึงมีเหตุผลเชื่อว่าจำเลยที่ 3 ร่วมรู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการเดินทางไปรับยาเสพติดของกลางจากอำเภอฝางและอำเภอแม่อาย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีเหตุผลและน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มียาเสพติดของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 มียาเสพติดของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อย่างไรก็ตามเมื่อโจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายได้เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 3 ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 แต่เห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการค้ายาเสพติด: ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษผู้สนับสนุนการครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 2 ให้คนรักของจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าห้องพักที่เกิดเหตุ แล้วจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาซุกซ่อนไว้เพื่อจำหน่าย ก่อนถูกจับกุมจำเลยที่ 2 เปิดประตูห้องพักพบเจ้าพนักงานตำรวจมีอาการตกใจรีบหลบหนีกลับเข้าไปในห้องพักทันที อันเป็นข้อพิรุธ ส่วนจำเลยที่ 3 เปิดบัญชีธนาคารโดยรู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปใช้เบิกถอนเงินออกไปจากบัญชีของจำเลยที่ 3 เป็นจำนวนมาก และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิด การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเพียงผู้สนับสนุน ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4019/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันเพื่อจำหน่ายยาเสพติด การครอบครองเพื่อจำหน่าย และการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิด
จำเลยกับ ป. ส่งข้อความทางแอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์โต้ตอบกัน เนื่องจาก ศ. ไปขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจาก ป. ที่บ้านจำเลย แต่ ป. ไม่ทราบว่าจำเลยซุกซ่อนไว้ที่ใด บ่งชี้ว่า ป. ทราบดีว่าจำเลยเก็บเมทแอมเฟตามีนไว้ภายในบ้านและ ป. ต้องการนำเมทแอมเฟตามีนไปจำหน่ายให้แก่ ศ. ซึ่งจำเลยก็ประสงค์ให้ ป. นำเมทแอมเฟตามีนที่เก็บไว้ไปจำหน่ายให้แก่ ศ. เช่นกัน พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นความผิดฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ส่วนการที่จำเลยแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ป. เสพที่บ้านจำเลยและให้ ป.จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแก่ลูกค้าผู้ซื้อไปด้วย จึงเป็นการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกัน ไม่ถือว่าเป็นการจำหน่าย เพราะคำว่า จำหน่าย ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 หมายถึง การจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2567
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษใหม่ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) จาก พ.ร.บ.ยาเสพติดใหม่ ที่รวมความผิด 'ครอบครองเพื่อจำหน่าย' และ 'จำหน่าย' เป็นกรรมเดียว
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณสารบริสุทธิ์ 0.410 กรัม และจำหน่ายไปมีปริมาณสารบริสุทธิ์ 0.027 กรัม ซึ่งแม้จะเป็นการขายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นอันแสดงให้เห็นว่าจำเลยประกอบกิจการด้วยการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นการปกติทั่วไป อันจะถือเป็นการกระทำเพื่อการค้า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 1,500,000 บาท ดังนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดที่กำหนดโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง กรณีไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) สำหรับการปรับบทลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรมนั้น เนื่องจากได้มี พ.ร.บ.ให้ใช้ ป.ยาเสพติด พ.ศ. 2564 ออกใช้บังคับ โดยในมาตรา 4 ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ และให้ใช้ ป.ยาเสพติดท้าย พ.ร.บ. ดังกล่าวแทน ซึ่งตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 1 ได้นิยามคำว่า "จำหน่าย" ให้หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อจำหน่ายด้วย ดังนั้น การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ตาม จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันคือจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพียงกรรมเดียวบทเดียว ดังนั้น การปรับบทลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นหลายกรรม จึงหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ซึ่งให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคหนึ่ง เพียงกรรมเดียว จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดโทษให้จำเลยใหม่ ตาม ป.อ. มาตรา 3 (1)