พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4884/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้มีเจตนาป้องกันทรัพย์สิน แต่เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ ส. ผู้ตายได้เข้าไปในบริเวณบ่อปลาของนายจ้างของจำเลย เพื่อจะเกี่ยวหญ้า ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิทำร้ายผู้ตายได้เมื่อจำเลยขึงลวดไว้ ภายในรั้วลาดหนามที่ล้อมรอบบริเวณบ่อเลี้ยงปลาของนายจ้างและ ปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปตามลวดนั้นผู้ตายมาถูกสายไฟฟ้าของจำเลยเข้า ถึงแก่ความตาย ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของผู้อื่น โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า - ทำร้ายร่างกาย - ลักษณะบาดแผล - พฤติการณ์แห่งคดี - ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหาย จำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาดเพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้าน แทงผู้เสียหายหลายครั้งในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายใน ที่ตะโพกซ้าย 1 แผล แพทย์ลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า คงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่: การพิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหายจำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาด เพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้านแทงผู้เสียหายหลายครั้ง ในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายในที่ตะโพกซ้าย 1 แผลแพทย์ลงความเห็นว่า ใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าคงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4149/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การปรับบทความผิดจากฆ่าผู้อื่นเป็นทำร้ายร่างกาย และการแก้ไขโทษ
ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่เจตนาทำร้ายเป็นผลให้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้นและลักษณะบาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย จำเลยที่1 และที่ 3 คงมีความผิดตามมาตรา 295 เท่านั้น แม้จำเลยที่ 1 และที่ 3 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษและวางอัตราโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขปรับบทและวางอัตราโทษเสียใหม่ให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้เนื่องจากประพฤติเนรคุณ การทำร้ายร่างกายผู้ให้ถือเป็นเนรคุณร้ายแรง
การที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ผู้เป็นมารดาจนได้รับอันตรายแก่กาย ย่อมเป็นการแสดงว่าจำเลยขาดความกตัญญู แม้โจทก์จะได้รับบาดเจ็บไม่ถึงสาหัสก็ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโดยประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(1) แล้ว โจทก์จึงเรียกถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการไล่แทงด้วยอาวุธมีดต่อเนื่องนานกว่า 30 นาที
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้เสียหายที่1เมื่อพบผู้เสียหายที่ 1 จำเลยพูดว่า 'มึงทำเพื่อนกูทำไม มึงตาย' แล้วใช้มีดปลายแหลม ยาว8นิ้วไล่แทงไปที่ลำตัวผู้เสียหายที่ 1 หลายครั้งนาน 10 นาที เมื่อแทงไม่ถูกก็กลับไปเอามีดปลายแหลมยาว 15 นิ้ว มาไล่ฟัน และแทงผู้เสียหายที่1กับผู้เสียหายที่2 ซึ่งช่วยพูดเกลี้ยกล่อมจำเลย อีกหลายครั้งนาน 20นาทีจนกระทั่งถูกจับได้ และผู้เสียหายที่ 1 ถูกมีดที่ไหล่ซ้ายเป็นแผลยาว3 เซนติเมตรถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ผู้เสียหายทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำความผิด: ทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ ไม่ใช่ชิงทรัพย์
จำเลยโกรธผู้เสียหายที่เดินชนจำเลยแล้วไม่ขอโทษ จำเลยจึงพาพวกอีกคนหนึ่งมารุมชกต่อย เตะ และใช้ไม้ตีผู้เสียหายจนล้มลง บังเอิญนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายหลุดตกและผู้เสียหายเก็บนาฬิกาข้อมือนั้นกลับคืนมาได้ แต่จำเลยใช้ไม้ตีผู้เสียหายอีกแล้วถือโอกาสแย่งเอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปหลังจากนั้นจำเลยยังใช้ไม้ตีซ้ำ จนผู้เสียหายแกล้งทำเป็นสลบ จำเลยกับพวกจึงวิ่งหนีไปดังนี้ ถือได้ว่าการชกต่อยเตะตีทำร้ายติดต่อกันเนื่องมาจากสาเหตุเดิมคือโกรธที่เดินชนหาใช่ทำร้ายโดยมีเจตนาจะเอาทรัพย์มาแต่แรกไม่ และการที่จำเลยแย่งเอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปในลักษณะดังกล่าว ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายและฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 กระทงเดียว ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 กระทงหนึ่ง และฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่า ข้อหาฐานชิงทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่แก้ไขใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 กระทงเดียว ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 กระทงหนึ่ง และฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่า ข้อหาฐานชิงทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่แก้ไขใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ ไม่เข้าข่ายชิงทรัพย์ เหตุไม่ได้มีเจตนาเอาทรัพย์ตั้งแต่แรก
จำเลยโกรธผู้เสียหายที่เดินชนจำเลยแล้วไม่ขอโทษ จำเลยจึงพาพวกอีกคนหนึ่งมารุมชกต่อย เตะและใช้ไม้ตีผู้เสียหายจนล้มลง บังเอิญนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายหลุดตกและ ผู้เสียหายเก็บนาฬิกาข้อมือ นั้นกลับคืนมาได้ แต่จำเลยใช้ไม้ตีผู้เสียหายอีกแล้วถือโอกาสแย่งเอา นาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปหลังจากนั้นจำเลยยังใช้ไม้ตีซ้ำ จนผู้เสียหาย แกล้งทำเป็นสลบจำเลยกับพวกจึงวิ่งหนีไปดังนี้ถือได้ว่าการชกต่อยเตะตี ทำร้ายติดต่อกันเนื่องมาจากสาเหตุเดิมคือโกรธที่เดินชนหาใช่ทำร้าย โดยมีเจตนาจะเอาทรัพย์มาแต่แรกไม่ และการที่จำเลยแย่งเอา นาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไปในลักษณะดังกล่าวก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายและฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 กระทงเดียว ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 กระทงหนึ่ง และฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่า ข้อหา ฐานชิงทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192 ที่แก้ไขใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 กระทงเดียว ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 กระทงหนึ่ง และฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 อีกกระทงหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่า ข้อหา ฐานชิงทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192 ที่แก้ไขใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้กำลังเกินสมควร การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส
ผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างที่ จำเลยต้องโทษจำคุกเมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ววันใดที่จำเลยไม่อยู่บ้านผู้เสียหาย ก็มาหลับนอนกับภริยาจำเลยที่บ้านจำเลยเช้าวันเกิดเหตุในขณะที่จำเลย กำลังเดิน เข้าบ้านผู้เสียหายได้เตะต่อยจำเลยก่อนจำเลยซึ่งมีอายุมากกว่า ผู้เสียหายมากสู้ผู้เสียหายไม่ได้จึงวิ่งไป คว้ามีดมาฟันผู้เสียหายการกระทำ ของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการ ประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่จำเลย ใช้มีดทั้งด้ามและใบมีดยาว 1 ฟุต ใบมีดกว้าง 4 นิ้ว ฟันผู้เสียหาย หลายทีจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่ กายเป็นบาดแผลรวม 8 แห่ง แต่ไม่ถึงแก่ความตายบาดแผลที่สำคัญคือท้ายทอยยาว 15 เซนติเมตร ลึก 7 เซนติเมตรที่หน้าผากยาว 5 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2714/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ถูกทำร้ายมีรูปร่างใหญ่กว่าและเป็นผู้เริ่มทำร้ายก่อน
ผู้เสียหายอายุ 18 ปีส่วนจำเลยอายุเพียง 16 ปีผู้เสียหายรูปร่างล่ำสันและมีลักษณะเป็นผู้ใหญ่กว่าจำเลยวันเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเรื่องโดยเข้าชกและขึ้นเข่าเอาแก่จำเลยที่ท้องหลายทีในลักษณะข่มเหงรังแกในชั้นแรกจำเลยได้ใช้มือเปล่าป้องกันตัว แต่ก็ถูกผู้เสียหาย ทำร้ายต่อมาจำเลยจึงใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมที่มีติดตัวแทงถูกที่ชายโครงผู้เสียหาย1ที ในขณะกำลังถูกผู้เสียหาย ทำร้ายติดพันอยู่ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจำเป็นต้อง ป้องกันตัวให้พ้นจากภยันตรายที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด