คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมวลกฎหมายอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักกระแสไฟฟ้าเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
การลักกระแสไฟฟ้า ย่อมเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 หรือ 335 แล้วแต่กรณี (ประชุมใหญ่ครั้งที่8/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและการกระทำโดยพยาบาทมาดหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์อ้างว่าจำเลยฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อนี้เป็นบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา แต่ปรากฎว่าเหตุเรื่องนี้เกิดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2499 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา เช่นนี้ จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 มาลงโทษจำเลยไม่ได้แม้จะเป็นระวางโทษเท่ากันก็ตาม
จำเลยเห็นผู้ตายซึ่งเป็นคนมีสาเหตุกัน (เรื่องจำเลยหาว่าผู้ตายลักไก่ของจำเลย) ผ่านมาหยุดคุยกับคนอื่นใกล้ ๆ เรือนจำเลย จำเลยจึงถือไม้แนบแอบตัวย่องมาตีผู้ตายโดยไม่ให้รู้ตัวเช่นนี้ ไม่เป็นการกระทำโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเจตนาฆ่าในกรณีที่เกิดก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์อ้างว่าจำเลยฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อนี้เป็นบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา แต่ปรากฏว่าเหตุเรื่องนี้เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2499 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา เช่นนี้ จะนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 มาลงโทษจำเลยไม่ได้แม้จะเป็นระวางโทษเท่ากันก็ตาม
จำเลยเห็นผู้ตายซึ่งเป็นคนมีสาเหตุกัน(เรื่องจำเลยหาว่าผู้ตายลักไก่ของจำเลย) ผ่านมาหยุดคุยกับคนอื่นใกล้ๆ เรือนจำเลย จำเลยจึงถือไม้แนบแอบตัวย่องมาตีผู้ตายโดยไม่ให้รู้ตัวเช่นนี้ ไม่เป็นการกระทำโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมกระทงลงโทษ – มาตรา 3(1) ประมวลกฎหมายอาญา – ไม่หนักกว่ากฎหมายเดิม
ศาลรวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 และ 230 มิใช่ลงโทษตามบทที่หนัก โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาในกรณีนี้จึงไม่หนักกว่าโทษที่กำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 162 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3(1) ไม่เป็นกรณีที่ศาลจะต้องกำหนดโทษเสียใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนาฆ่าโดยพยาบาทมาดหมาย: ความแตกต่างระหว่างกฎหมายลักษณะอาญาและประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 ซึ่งต่างกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ข้อ 4 ที่ว่าฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย เพราะจะต้องให้ได้ความว่า เป็นการฆ่าคนโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายจึงจะมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา250 ที่โจทก์อ้าง (หมายเหตุ ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 มีโทษสถานเดียวเท่ากัน คือประหารชีวิต)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933-934/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เปลี่ยนแปลงโทษฉ้อโกงจากกฎหมายลักษณะอาญาเป็นประมวลกฎหมายอาญาและผลกระทบต่อตัวการ-ผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานเป็นตัวการฉ้อโกงเรื่องแกล้งแสดงตนว่าเป็นคนใช้วิทยาคมได้ ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.304,306(2) และจำเลยที่ 2 มี ความผิดฐานเป็นผู้ช่วยเหลืออุปการะในการกระทำผิดดังกล่าวผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.304,306,65 อันเป็นบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิดบัดนี้ประมวลกฎหมายอาญาได้เปลี่ยนแปลงความผิดฐานฉ้อโกงไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดโดยการใช้อุบายพิเศษเรื่องแกล้งแสดงตนว่าเป็นคนใช้วิทยาคมได้นั้นเป็นอันยกเลิกไปเสียแล้วและที่โจทก์กล่าวฟ้องในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เป็นกรณีพิเศษตามประมวลกฎหมายอาญา ม.342 ฉะนั้นการกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.341 ตรงกับกฎหมายลักษณะอาญา ม.304 เท่านั้นอันมีอัตราโทษจำคุกเพียงไม่เกิน 3 ปี เบากว่าอัตราโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.306(2) มาก แม้เรื่องนี้เฉพาะโจทก์ร่วมฝ่ายเดียวฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักขึ้น แต่ความผิดฐานฉ้อโกงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้ทำผิดดังกล่าวแล้วซึ่งประมวลกฎหมายอาญา ม.3 บัญญัติให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้ทำผิดและเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ม.89 จึงมีผลเกี่ยวพันไปถึงตัวจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่มิได้ฎีกาขึ้นมานั้นด้วยจำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งเป็นตัวการจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.341,83 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดรายนี้ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.341 ประกอบด้วย ม.86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ ศาลฎีกาพิจารณาเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายอาญาแทน พ.ร.บ.กักกันผู้ร้าย
โจทก์ฟ้องขอให้กักกันจำเลยในฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย โดยจำเลยเคยทำผิดต้องโทษจำคุกอันมิใช่ประมาทหรือลหุโทษมา 4 ครั้ง และมาทำผิดฐานชิงทรัพย์อีก โจทก์จึงฟ้องขอให้กักกันจำเลยฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการลงโทษผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 นั้น มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาจึงยกบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายอาญาอันมีมาตรา 43, 41 เป็นต้นมาใช้แทน และชี้ว่าตาม ม.43 โจทก์มีอำนาจแยกฟ้องได้ แต่ตาม ม.41 จะลงโทษกักกันได้ต่อเมื่อจำเลยเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง และมาทำผิด จำเลยนี้เคยต้องโทษเกิน 6 เดือนครั้งเดียว จึงยังฟ้องให้ลงโทษกักกันจำเลย ไม่ได้ ให้ยกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วางเพลิงเผาต้นมะพร้าวผู้อื่น: การเปรียบเทียบโทษตามกฎหมายอาญาเดิมและประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยจุดไฟเผากิ่งไม้แห้งในไร่ของจำเลยและไฟได้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งยังน่ากลัวจะไหม้โรงข้าวของผู้เสียหายอีกด้วย ความผิดของจำเลยขณะทำผิดต้องด้วย ก.ม.ลักษณะอาญา ม.187 วรรค 2 ไฟที่จำเลยจุดเผาขึ้นได้ไหม้เอาต้นมะพร้าว อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายตามข้อ (5) แห่ง ม.186 ด้วย โทษที่ควรลงแก่จำเลยจึง ต้องเอาโทษที่กำหนดไว้ใน ม.186 เป็นเกณฑ์ แต่ขณะนี้ ก.ม.ลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ใช้ประมวล ก.ม.อาญาแทน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตรงตาม ม.220 วรรคแรกแห่งประมวล ก.ม.อาญา แต่วรรค 2 ของมาตรานี้บัญญัติว่า ถ้าเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ใน ม.218 ให้ลงโทษดังที่บัญญัติไว้ใน ม.218 แต่ใน ม.218 ข้อ 1 ถึง 6 มิได้บัญญัติไว้ถึงเรื่องวางเพลิงเผาต้นมะพร้าวอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เลย ฉะนั้นจะลงโทษตามวรรค 2 ของ ม.220 ประมวล ก.ม.อาญาไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม ม.220 วรรคแรกซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเบากว่า ม.187 วรรคแรกของ ก.ม.ลักษณะอาญา ตาม ม.3 ประมวล ก.ม.อาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงินและปลอมแปลงบัญชี: เปลี่ยนบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุมและรอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย โดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นำส่ง ผิดตาม มาตรา 131ไม่ใช่ มาตรา 319(3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียนบัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม มาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 225,229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายอาญาในอดีตกับความผิดที่กระทำก่อนมีประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยกระทำชำเรา ด.ญ. อายุต่ำกว่าสิบสามขวบก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 244 วรรค 2 จำคุก 5 ปี ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาซึ่งตัดสินหลังวันให้ประมวลกฎหมายอาญาฟังว่าจำเลยทำผิดและวางโทษจำคุกจำเลยเท่าเดิม คือ 5 ปี ศาลฎีกาก็คงใช้กฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำผิดเป็นบทลงโทษ (เพราะกำหนดโทษที่วางในคดีนี้ยังไม่เข้ากรณีที่จะพึงใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 280(1) โดยยังไม่มีข้อที่จะยกส่วนที่เป็นคุณของกฎหมายใหม่มาใช้)
of 76