คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9333/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดผู้ร่วมกระทำผิด: ศาลรับฟังได้หากไม่มีเจตนาพ้นผิด
คำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน หาใช่จะต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยเสียทีเดียวไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่า ด.จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การซัดทอดจำเลยที่ 3 เพื่อให้ตนเองพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการซัดทอดนั้นแต่อย่างใด ศาลจึงชอบที่จะฟังคำซัดทอดดังกล่าวมาประกอบพยานแวดล้อมและพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8731/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นเอกสารประกอบคำฟ้องและการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลมีอำนาจรับฟังเอกสารที่ยื่นพร้อมคำฟ้อง แม้ไม่ได้ส่งซ้ำ
การที่ ป.วิ.พ.มาตรา 90 กำหนดให้คู่ความฝ่ายที่อ้างเอกสารต้องยื่นสำเนาเอกสารต่อศาลและคู่ความฝ่ายอื่นล่วงหน้าก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานนั้น นอกจากเพื่อประโยชน์ในการที่ศาลจะได้สอบถามคู่ความเกี่ยวกับเอกสารนั้นในวันชี้สองสถานแล้ว ยังมีความประสงค์จะให้ศาลและคู่ความได้ทราบล่วงหน้าก่อนสืบพยานว่า พยานเอกสารที่คู่ความแต่ละฝ่ายอ้างเกี่ยวกับคดีอย่างไร เอกสารมีความน่าเชื่อถือในเบื้องต้นอย่างไรหรือไม่ และให้คู่ความฝ่ายที่ถูกยันด้วยเอกสารนั้นได้มีโอกาสตรวจสอบในเบื้องต้นว่าเอกสารที่อ้างอิงมีความถูกต้องแท้จริงเพียงใด หรือสำเนาที่ยื่นไว้ตรงกับต้นฉบับเอกสารหรือไม่ สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี สำเนาหนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรม หนังสือสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ซึ่งโจทก์ส่งศาลในวันพิจารณามีข้อความอย่างเดียวกันกับสำเนาเอกสารที่แนบมาท้ายฟ้อง เมื่อจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำฟ้องพร้อมกับสำเนาเอกสารท้ายฟ้องแล้ว ก็เป็นการถูกต้องตามความประสงค์ของบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แม้โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยทั้งสามอีก ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นนั้นได้ในเมื่อเห็นว่าเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 87

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8133-8135/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีแรงงานที่ไม่ครบถ้วน การไม่รับฟังพยานหลักฐานสำคัญ ทำให้คำพิพากษาศาลแรงงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์และจำเลยได้ร่วมกันอ้างคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานจำเลยเอกสารและม้วนวีดีโอเทปของสำนวนคดีหมายเลขแดงที่1248-1256/2538ของศาลแรงงานกลางเป็นพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยในคดีนี้แต่คำพิพากษาของศาลแรงงานได้หยิบยกเฉพาะคำเบิกความของพยานโจทก์พยานจำเลยและเอกสารในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่1248-1256/2538ขึ้นวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ทั้งสามไม่ได้กระทำผิดดังที่จำเลยกล่าวอ้างโดยมิได้หยิบยกม้วนวีดีโอนเทปซึ่งเป็นวัตถุพยานในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่1248-1256/2538ที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยอ้างเป็นพยานขึ้นมาวินิจฉัยด้วยทั้งไม่ปรากฏว่าม้วนวีดีโอเทปที่โจทก์ทั้งสามและจำเลยได้อ้างเป็นพยานดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่ต้องห้ามหรือรับฟังไม่ได้โดยประการอื่นหรือว่าพยานหลักฐานเท่าที่ศาลแรงงานวินิจฉัยมาแล้วนั้นเป็นการเพียงพอให้ฟังเป็นยุติแล้วแต่อย่างใดคำวินิจฉัยของศาลแรงงานจึงเป็นการไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานชอบที่จะต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงใหม่โดยรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยอ้างให้ครบถ้วนแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8039/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, เอกสารประกอบการฟ้อง, การรับฟังพยานหลักฐาน (โทรสาร, ภาพถ่าย), ประเด็นการสั่งซื้อสินค้า
แม้ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัทโจทก์และหนังสือรับรองว่าค. เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์พนักงานโนตารีปับลิก แห่งประเทศสิงคโปร์จะได้รับรองความถูกต้องและสถานฑูตไทยประจำประเทศสิงคโปร์ได้รับรองลายมือชื่อและตราประทับของพนักงานโนตารีปับลิกแห่งประเทศสิงคโปร์หลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ก็ตามแต่ใบสำคัญจดทะเบียนบริษัทโจทก์ระบุว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์และระบุว่าค. เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้อีกทั้งค.ก็ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจให้น.ฟ้องคดีนี้ด้วยจำเลยที่1มิได้นำสืบให้ฟังเป็นอย่างอื่นย่อมฟังได้ว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์และค.เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และได้มอบอำนาจให้น. ฟ้องคดีนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา47นั้นเป็นเรื่องอำนาจของศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับใบมอบอำนาจหรือใบสำคัญและเอกสารอื่นๆในกรณีที่ศาลมีความสงสัยเท่านั้นหาใช่ว่าหากเอกสารไม่มีการรับรองจากโนตาลีปัปลิกจะถือว่าเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ โทรสารใบสั่งซื้อสินค้าที่จำเลยที่1ส่งถึงโจทก์ต้นฉบับเอกสารจะอยู่ที่จำเลยที่1โจทก์ได้รับโทรสารที่เป็นสำเนาเอกสารส่วนใบกำกับสินค้าซึ่งต้นฉบับเอกสารโจทก์ได้ส่งให้แก่จำเลยที่1โจทก์คงมีแต่ภาพถ่ายใบกำกับสินค้าดังนี้เอกสารเฉพาะที่เป็นโทรสารซึ่งจำเลยที่1ส่งถึงโจทก์และบริษัทในเครือของโจทก์นั้นต้นฉบับเอกสารจึงอยู่ที่จำเลยที่1ส่วนใบกำกับสินค้านั้นโจทก์มอบต้นฉบับให้แก่จำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าโจทก์คงมีแต่สำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารถือได้ว่าโจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารมาได้จึงรับฟังสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(2)ส่วนภาพถ่ายเอกสารที่เหลือซึ่งเป็นโทรสารที่โจทก์ส่งไปถึงจำเลยที่1นั้นก็เป็นเพียงการตอบโทรสารที่จำเลยที่1มีไปถึงโจทก์ซึ่งแม้หากจะไม่รับฟังเอกสารนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยที่1ได้สั่งซื้อสินค้าและรับสินค้าไปจากโจทก์จริงดังนี้ปัญหาว่าเอกสารดังกล่าวจะรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93หรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7937/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานนอกบัญชีรายชื่อพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ความตอนท้ายของ ป.วิ.พ.มาตรา 87 (2)บัญญัติยกเว้นไว้ว่าถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ คดีอาญาเรื่องนี้ โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 88 แล้ว เพียงแต่ขาดสำเนาเพื่อส่งแก่จำเลยจำเลยมีโอกาสไปขอตรวจดูบัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ต่อศาลได้อยู่แล้ว ทั้งในการสืบพยานโจทก์ทุกปาก จำเลยได้ถามค้านพยานจำเลยไม่เสียเปรียบและไม่ได้รับความเสียหายโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะเอาปรียบในทางคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7937/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานแม้ขาดสำเนาบัญชีระบุพยาน: ศาลมีดุลยพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ความตอนท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)บัญญัติยกเว้นไว้ว่าถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้คดีอาญาเรื่องนี้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88แล้วเพียงแต่ขาดสำเนาเพื่อส่งแก่จำเลยจำเลยมีโอกาสไปขอตรวจดูบัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ต่อศาลได้อยู่แล้วทั้งในการสืบพยานโจทก์ทุกปากจำเลยได้ถามค้านพยานจำเลยไม่เสียเปรียบและไม่ได้รับความเสียหายโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานและการตีความอำนาจปกครองในคดีอาญา
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังดังเช่นคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาหาได้ไม่ แต่อาจรับฟังว่าผู้เสียหายได้ให้การเช่นนั้นไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อวิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงในคดีได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของผู้เสียหายไว้โดยไม่ถูกต้อง และคำให้การของผู้รู้เห็นเหตุการณ์ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังประกอบพยานอื่นดังนั้น ศาลพิจารณาคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานประกอบพยานหลักฐานอื่นลงโทษจำเลยได้
คำว่า "ผู้อยู่ในความปกครอง" ตาม ป.อ. มาตรา 285ต้องตีความโดยเคร่งครัด จำเลยมิใช่บิดาของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเป็นเพียงบุตรติดนาง ป.มา แล้วนาง ป.อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย อำนาจปกครองของผู้เสียหายจึงตกแก่นาง ป. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1568 จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ป.อ. มาตรา 285

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7720/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเพิ่มเติม, เงินเพิ่ม, เบี้ยปรับ, การนำพยานหลักฐาน, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีภาษีอากร
สำหรับเงินเพิ่มตามกฎหมายไม่มีกฎหมายให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจึงไม่อาจงดหรือลดได้ ส่วนเบี้ยปรับนั้นโจทก์เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้ว่าเจ้าพนักงานประเมินได้มีหมายเรียกให้โจทก์นำส่งบัญชีที่ต้องทำตามกฎหมายพร้อมเอกสารประกอบการลงบัญชี บัญชีกำไรขาดทุน งบดุล สำหรับปี 2516 ถึง 2520 ไปส่งเพื่อทำการตรวจสอบ ดังนั้นสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของปีอื่นจึงมิได้ถูกเรียกให้นำส่งก็ตาม ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติตัดสิทธิมิให้ศาลรับฟังสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของปีอื่น ๆ ที่มิได้นำส่งต่อเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามหมายเรียกตรวจสอบก่อนเพราะในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 17 บัญญัติให้นำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาใช้บังคับโดยอนุโลมในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติ และข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวดังนั้น คู่ความย่อมมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ภายใต้บังคับแห่ง ป.วิ.พ.หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานและการยื่นพยานหลักฐานตาม ป.วิ.พ.มาตรา 85 เมื่อโจทก์ได้ยื่นพยานหลักฐานดังกล่าวถูกต้องตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรในชั้นพิจารณาคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ประกอบการวินิจฉัยคดีได้
คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้าง ภาระการพิสูจน์จึงตกโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่นำพยานหลักฐานต่าง ๆ มานำสืบให้ปรากฏจึงรับฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้นำค่าเช่าซื้อลงบัญชีถูกต้องครบถ้วนทุกรายดังที่โจทก์อ้าง คงรับฟังได้เพียงเท่าที่ปรากฏตามคำรับของ ส.เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีซึ่งเป็นพยานฝ่ายจำเลยเท่านั้น โจทก์จะมากล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่า โจทก์ลงบัญชีรายรับไว้ถูกต้องโดยระบุรายละเอียดแห่งการลงบัญชีไว้ในอุทธรณ์ของโจทก์ โดยไม่ปรากฏว่าในชั้นพิจารณาคดีโจทก์ได้ให้พยานโจทก์เบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวไว้ หรือนำเอกสารดังกล่าวมาถามค้านพยานจำเลยให้ปรากฏในสำนวน จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีการค้าเพิ่มเติมรวมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มของเดือนมกราคมถึงมีนาคม มิถุนายน สิงหาคม และตุลาคมถึงธันวาคม 2516 รวม 8 เดือน โดยการประเมินดังกล่าวมิได้กระทำภายในกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้า แต่อยู่ภายในกำหนดเวลา 10 ปี ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม โจทก์แสดงยอดรายรับขาดไปไม่เกินกว่าร้อยละ 25 ของยอดรายรับที่แสดงในแบบแสดงรายการการค้า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินสำหรับเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม2516 จึงไม่ชอบด้วย ป.รัษฎากร มาตรา 88 ทวิ (2) ส่วนเดือนมกราคม มิถุนายนสิงหาคม ตุลาคมถึงธันวาคม 2516 รวม 6 เดือน โจทก์แสดงยอดรายรับขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของยอดรายรับที่แสดงในแบบแสดงรายการการค้า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินสำหรับ 6 เดือน ดังกล่าวจึงชอบด้วย ป.รัษฎากร มาตรา88 ทวิ (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองหนี้แทนผู้อื่น: น้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์เชื่อถือได้กว่าพยานจำเลย แม้ไม่ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ
ประเด็นข้อพิพาทที่ว่าจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญาหรือไม่เมื่อพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่าจำเลยก็รับฟังได้การที่โจทก์ไม่ส่งไปตรวจพิสูจน์หาใช่เป็นข้อพิรุธไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7565/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาและหนังสือมอบอำนาจ: การปิดอากรแสตมป์และการใช้เป็นพยานหลักฐาน
สัญญาประกันเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราวโดยมีหลักประการตามมาตรา112แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิใช่เป็นสัญญาค้ำประกันซึ่งผู้ค้ำประกันผูกพันตนต่อเจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา680และมิใช่ตราสารที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรว่าต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา104ไม่ตกอยู่ในบังคับตามมาตรา118แห่งประมวลรัษฎากรจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ หนังสือมอบอำนาจซึ่งจำเลยที่1มอบอำนาจให้จำเลยที่2ไปประกันตัวผู้ต้องหามีข้อความว่าจำเลยที่1ขอมอบอำนาจให้จำเลยที่2เป็นผู้มีอำนาจนำโฉนดที่ดินไปประกันตัวจ.ผู้ต้องหาไปจากความควบคุมตัวของพนักงานสอบสวนแทนจำเลยที่1จนเสร็จการและจำเลยที่1ยอมรับผิดชอบในการที่ผู้รับมอบอำนาจได้ทำไปตามที่มอบอำนาจนี้ภายในวงเงินไม่เกินราคาที่ดินโฉนดข้อความดังกล่าวมีความหมายว่าจำเลยที่1มอบอำนาจให้จำเลยที่2มีอำนาจไปประกันตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนแทนจำเลยที่1จนเสร็จการจึงเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียวซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์10บาทตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ7(ก) คำว่า"กระทำ"ในบทนิยามมาตรา103แห่งประมวลรัษฎากรเมื่อใช้เกี่ยวกับตราสารหมายความว่าการลงลายมือชื่อตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การที่จำเลยที่2ผู้รับมอบอำนาจต้องลงลายมือชื่อตามที่พนักงานสอบสวนนัดให้ส่งตัวผู้ต้องหาหลายครั้งที่ด้านหลังสัญญาประกันจึงมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่1มอบอำนาจให้จำเลยที่2กระทำการมากกว่าครั้งเดียวแต่เป็นกรณีที่จำเลยที่2ต้องปฎิบัติตามเงื่อนเวลาที่พนักงานสอบสวนกำหนดให้ผู้ประกันต้องปฎิบัติตามในการส่งตัวผู้ต้องหาเท่านั้น
of 259