คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703-1704/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเลิกคดีล้มละลายไม่ปลดหนี้ เจ้าหนี้ยังฟ้องได้
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 136 คำสั่งยกเลิกการล้มละลายตาม มาตรา 135(1) หรือ (2) ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นหนี้สินแต่อย่างใด คำว่า "หนี้สิน" มิได้หมายความเฉพาะหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ในคดีล้มละลายแล้วเท่านั้น ดังนั้น แม้เจ้าหนี้จะมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ในคดีล้มละลายที่ยกเลิกนั้นตามมาตรา 27 และตามกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 91เจ้าหนี้ก็ยังมีสิทธิฟ้องลูกหนี้เกี่ยวกับหนี้สินนั้นเป็นคดีล้มละลายคดีใหม่ หรือคดีแพ่งธรรมดาอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: เริ่มนับระยะเวลาหลังแบ่งแยกโฉนด, อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องร้อง
อ.และฉ.กับคนอื่นมีชื่อในโฉนดว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งยังมิได้แบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด การที่ อ.ครอบครองที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นย่อมต้องถือว่าครอบครองที่ส่วนนั้นในฐานะเจ้าของร่วมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะอ้างว่าตนครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเสียแต่คนเดียว ครั้นแบ่งแยกโฉนดเป็นที่ดิน 2 แปลงแล้วปรากฏว่าส่วนที่ อ.ครอบครองอยู่นั้นล้ำเข้าไปอยู่ในเขตโฉนดของฉ.8ตารางวา เมื่ออ.ยังคงครอบครองที่ส่วนนี้ต่อมา ก็อาจอ้างได้ว่าครอบครองในลักษณะปรปักษ์ตั้งแต่เวลาที่มีการแบ่งแยกโฉนดกันนั้น
อ.ครอบครองที่ดินพิพาทในลักษณะปรปักษ์อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วโอนให้ จ. ดังนี้ ย่อมนับเวลาซึ่ง อ.ครอบครองกับที่ จ.ครอบครอง รวมกันเป็นอายุความครอบครองโดยปรปักษ์ได้
จ.มีรั้วล้ำเข้าไปอยู่ในเขตที่ดินของ ฉ.เป็นเนื้อที่8 ตารางวา ฉ.ฟ้องจ.ขอบังคับให้รื้อรั้ว จ.ให้การว่าอ.สามีตนทำรั้วเข้าไปในเขตที่ดินของ ฉ.ฉ.ไม่ทักท้วงจนเกิน10ปีแล้ว ฉ.จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่ไม่ได้ใช้ที่ดิน ศาลพิพากษาให้จ.รื้อรั้ว ดังนี้ อายุความการครอบครองโดยปรปักษ์ในที่ดิน 8 ตารางวานั้น ย่อมสะดุดหยุดลงนับแต่วันที่ฉ.ยื่นฟ้อง (แม้ศาลจะมิได้วินิจฉัยไว้โดยตรงในปัญหาที่ว่าฝ่าย จ.ครอบครองที่ดิน 8 ตารางวานี้มาเกิน10 ปีหรือไม่ก็ตาม)
อ.เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5449 ได้ทำรั้วเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของ ฉ.เป็นเนื้อที่8ตารางวา ต่อมาอ.โอนที่ดินโฉนดที่ 5449 นั้นให้แก่ จ.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์คนเดียวและนับแต่นั้นเองก็ไม่ได้แสดงกิริยาอาการอย่างใดให้ถือว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดิน 8 ตารางวานั้นอยู่โดยเฉพาะเจาะจงอีก ดังนี้ เมื่อ ฉ.จะฟ้องคดีเพื่อให้อายุความครอบครองโดยปรปักษ์สะดุดหยุดลงก็ชอบที่จะฟ้องแต่ จ.คนเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันเวลาการกระทำผิดเป็นสาระสำคัญ หากไม่ตรงกับที่ฟ้องร้อง ศาลต้องยกฟ้อง
คดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่เข็ญให้รับว่ารับจ้างมาฆ่าจำเลย ขณะผู้เสียหายถูกกักขังคือ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม2505 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางวัน เท่านั้นส่วนวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นนั้น โจทก์คงระบุยืนยันไว้ชัดแจ้งในตอนต้นว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณา ข้อแตกต่างในเรื่องวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนี้เป็นข้อสารสำคัญซึ่งตามกฎหมายให้ศาลต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโต้แย้งสัญชาติ: การแสดงเจตนาคัดค้านคำสั่งห้ามเข้าประเทศ ถือเป็นการโต้แย้งสัญชาติและมีสิทธิฟ้องร้องได้
เมื่อเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองสั่งไม่ให้อยู่ในราชอาณาจักร และให้ออกไปให้พ้น ถ้าผู้นั้นได้โต้แย้งคำสั่งว่าเขาเป็นคนเกิดในประเทศไทย จะแต่งทนายร้องขอให้ศาลวินิจฉัย ดังนี้ ถือว่ามีข้อโต้แย้ง ชอบที่จะฟ้องศาลได้
การที่ได้แสดงตนและเอกสารว่าเป็นคนต่างด้วยมาก่อนแล้ว ก็กลับพิสูจน์ความจริงใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้ายังไม่ได้จดทะเบียน: การประดิษฐ์เครื่องหมายก่อนและการไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
การที่บุคคลใดประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าขึ้นเพื่อสำแดงว่าสินค้านั้น ๆ เป็นของตน แม้จะยังไม่ได้สำแดงกับสินค้าของตน ก็ย่อมถือเป็นเครื่องหมายการค้าตามนัยแห่งมาตรา 1 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474
ตราบใดที่เครื่องหมายการค้าของบุคคลใดยังไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย บุคคลนั้นย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันเครื่องหมายการค้าของตนที่ยังไม่ได้จดทะเบียนว่าถูกละเมิดสิทธิโดยถูกลอกหรือเลียนแบบเครื่องหมายการค้านั้น ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2474 มาตรา 29

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะบุตรตามกฎหมาย: การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและความสามารถในการฟ้องร้อง
พี่น้องร่วมบิดามารดาได้เสียเป็นผัวเมียนั้น เมื่อ พ.ศ.24+7 นั้น ตามกฎหมายลักษณะผัวเมียจะต้องถูกลงโทษลอยแพ ฉะนั้น พี่น้องดังกล่าวจึงมิใช่ผัวเมียที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมา พ.ศ.24+ จะมีบุตรด้วยกัน ก็เป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เว้นแต่บิดาจะจดทะเบียนหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ ไม่เป็น+
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ จะจดทะเบียนสมรสกันโดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์พี่น้องเป็นผัวเมีย, การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย, และผลกระทบต่อการฟ้องร้องเรียกทรัพย์
พี่น้องร่วมบิดามารดาได้เสียเป็นผัวเมียกัน เมื่อพ.ศ.2477 นั้น ตามกฎหมายลักษณะผัวเมียจะต้องถูกลงโทษลอยแพ ฉะนั้น พี่น้องดังกล่าวจึงมิใช่ผัวเมียที่ชอบด้วยกฎหมายแม้ต่อมา พ.ศ.2483 จะมีบุตรด้วยกันก็เป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เว้นแต่บิดาจะจดทะเบียนหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ไม่เป็นอุทลุม
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขอให้ชี้ขาดความเห็นทางภาษี ยังไม่เกิดสิทธิหน้าที่โต้แย้งตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งสินค้าเครื่องอัดสำเนา"เทอร์โมแฟกส์" จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ย โดยโจทก์เห็ว่ามีใช่เครื่องถ่ายภาพหรือเอกสารอันต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัรฑ์ตามกฎหมาย โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังกรมสรรพากรจำเลย ฯ ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวเป็นโภคภัณฑ์ประเภทที่ 5(ข) ซึ่งต้องเสียภาษีโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร โจทก์ได้มีหนังสือทักท้วงจำเลยไปหลายครั้ง จำเลยก็คงยืนยันความเห็นเดิม จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าเครื่องอัดสำเนาดังกล่าวไม่ใช่โภคภัณฑ์อันจะต้องเสียภาษีการซื้อโภคภัณฑ์ตามประมวลรัษฎากร ฟ้องเช่นนี้ถือไม่ได้ว่ามีมูลโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะจำเลยยังมิได้เรียกเก็บหรือสั่งให้โจทก์เสียภาษี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเช็คโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี
จำเลยออกเช็คให้ ซ. ซ. ถูกผู้อื่นฟ้องเรียกเงินจนศาลสั่งอายัดเงินตามเช็คดังกล่าวโจทก์กับ ซ. สมคบกันให้โจทก์เอาเช็คฉบับดังกล่าวมาฟ้องจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเพื่อมิให้ ซ. ถูกยึดหรืออายัดเงินตามเช็คดังนี้ เป็นการไม่สุจริต จึงฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์การทำสัญญาและการรับเงิน ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง แม้จะเกี่ยวข้องกับการแปลงหนี้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยได้ทำให้ไว้สัญญาดังกล่าวนี้จะสืบเนื่องมาจากการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่ ไม่เป็นข้อสำคัญโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์และได้รับเงินไปครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ต่อมานำสืบว่า เอาสัญญากู้รายเก่ามาเปลี่ยนทำสัญญากู้ใหม่ โดยเอาดอกเบี้ย ที่ค้างทบกับต้นเงินรวมเป็นจำนวนเงินกู้ ใหม่ในสัญญาที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการสืบมูลเหตุที่มาสู่การทำสัญญากู้ เป็นการสืบข้อเท็จจริงแวดล้อมเพื่อแสดงว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องจริงและได้มีการตกลงให้ถือว่าจำเลยได้รับเงินแล้วอย่างไร ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง และโจทก์ไม่ต้องกล่าวอ้างตั้งประเด็นเรื่องแปลงหนี้ ใหม่มาในฟ้อง
of 100