พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,786 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: ทายาทที่ไม่ได้ร่วมฟ้อง ไม่ควรได้รับส่วนแบ่ง ศาลต้องพิจารณาเฉพาะผู้ฟ้อง
ภริยาของเจ้ามรดกมิได้ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องขอส่วนแบ่งมรดกมาด้วย จึงไม่ชอบที่ศาลจะพิพากษาให้ได้รับส่วนแบ่ง ควรวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งในอัตราส่วนเท่าไรเพื่อสะดวกแก่การบังคับคดีต่อไปเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาทร่วมและการระงับอายุความในคดีแบ่งมรดก
หลังจากเจ้ามรดกตายโจทก์และมารดาจำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ร่วมกันครอบครองที่มรดกระยะหนึ่ง แม้โจทก์จะออกจากที่พิพาทไปนานเท่าใดก็ถือว่ามารดาจำเลยครอบครองแทนโจทก์ การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาจึงอยู่ในฐานะเดียวกับมารดา ถือว่าโจทก์จำเลยครอบครองที่พิพาทร่วมกันและเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกดังกล่าว โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ซึ่งตนเป็นเจ้าของรวมได้จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาทร่วมกันและการแบ่งมรดกโดยอายุความไม่ตัดสิทธิ
หลังจากเจ้ามรดกตายโจทก์และมารดาจำเลยซึ่งเป็นทายาทได้ร่วมกันครอบครองที่มรดกระยะหนึ่ง แม้โจทก์จะออกจากที่พิพาทไปนานเท่าใดก็ถือว่ามารดาจำเลยครอบครองแทนโจทก์ การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาจึงอยู่ในฐานะเดียวกับมารดา ถือว่าโจทก์จำเลยครอบครองที่พิพาทร่วมกันและเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกดังกล่าว โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ซึ่งตนเป็นเจ้าของรวมได้จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ vs. เหตุฟ้องต่างกัน: การถูกกำจัดมิให้รับมรดก และอายุความมรดก
คดีก่อนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 มิใช่สามีของนาง จ. เจ้ามรดก ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีถึงที่สุดว่านาง จ. และจำเลยที่ 1 ยังเป็นสามีภรรยากัน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้สืบสันดานของนาง จ. จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของนาง จ. แต่ฟ้องโจทก์ขาดอายุความมรดกส่วนคดีนี้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้รับมรดกของนาง จ. เนื่องจากจำเลยที่ 1 ปิดบังซ่อนเร้นเพื่อมิให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ได้รับมรดกของนาง จ. เหตุที่ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจึงเป็นคนละเหตุกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่ซ้ำ: เหตุฟ้องต่างกัน แม้ผลลัพธ์เดิมขาดอายุความ ฟ้องใหม่ได้ หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
คดีก่อนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 มิใช่สามีของนาง จ. เจ้ามรดก ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีถึงที่สุดว่านาง จ. และจำเลยที่ 1 ยังเป็นสามีภรรยากัน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้สืบสันดานของนาง จ. จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของนาง จ. แต่ฟ้องโจทก์ขาดอายุความมรดกส่วนคดีนี้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนโดยอาศัยเหตุว่าจำเลยที่ 1 ถูกกำจัดมิให้รับมรดกของนาง จ. เนื่องจากจำเลยที่ 1 ปิดบังซ่อนเร้นเพื่อมิให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ได้รับมรดกของนาง จ. เหตุที่ฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจึงเป็นคนละเหตุกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินก่อนมรณะและผลกระทบต่อการแบ่งมรดก: การต่อสู้เรื่องพินัยกรรมและเจตนาโอนทรัพย์
โจทก์ฟ้องแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและทายาทโดยพินัยกรรม การที่จำเลยให้การว่าที่พิพาทเจ้ามรดกยกให้แก่จำเลยก่อนที่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม แม้จะให้การด้วยว่าพินัยกรรมปลอม ก็เป็นการต่อสู้ว่าไม่มีข้อกำหนดตามพินัยกรรม เพราะเจ้ามรดกได้โอนทรัพย์ตามพินัยกรรมไปในระหว่างมีชีวิตอยู่ ข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นอันเพิกถอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ว่า ไม่มีพินัยกรรมเกี่ยวกับที่พิพาทนั่นเอง คำให้การของจำเลยจึงไม่ขัดกันแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1774/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าการโอนทรัพย์ก่อนเสียชีวิตทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ ไม่ถือว่าเป็นการให้การขัดแย้งกัน
โจทก์ฟ้องแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมและทายาทโดยพินัยกรรม การที่จำเลยให้การว่าที่พิพาทเจ้ามรดกยกให้แก่จำเลยก่อนที่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม แม้จะให้การด้วยว่าพินัยกรรมปลอมก็เป็นการต่อสู้ว่าไม่มีข้อกำหนดตามพินัยกรรมเพราะเจ้ามรดกได้โอนทรัพย์ตามพินัยกรรมไปในระหว่างมีชีวิตอยู่ ข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นอันเพิกถอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ว่าไม่มีพินัยกรรมเกี่ยวกับที่พิพาทนั่นเอง คำให้การของจำเลยจึงไม่ขัดกันแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้จัดการมรดก: ไม่จำเป็นต้องทราบรายละเอียดทรัพย์สินทั้งหมด
ประเด็นในชั้นขอเป็นผู้จัดการมรดกมีเพียงว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ มีกรณีที่จะต้องตั้งผู้จัดการมรดกหรือไม่และเป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ส่วนปัญหาว่าเจ้ามรดกมีทายาทกี่คนมีทรัพย์มรดกเท่าไรมิใช่ข้อสำคัญในคดีแม้ผู้ร้องจะบรรยายมาในคำร้องไม่ครบถ้วน ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องไม่มีความรู้และไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการงานซึ่งเป็นทรัพย์มรดกนั้น เป็นเรื่องการดำเนินกิจการงานตามปกติทั่วไป ไม่เป็นเหตุต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดก
การที่ผู้ร้องไม่มีความรู้และไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการงานซึ่งเป็นทรัพย์มรดกนั้น เป็นเรื่องการดำเนินกิจการงานตามปกติทั่วไป ไม่เป็นเหตุต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ผู้รับทั้งหมด การโอนมรดกตามพินัยกรรมและสิทธิของทายาท
พินัยกรรมมีข้อความสำคัญว่า 'ฯลฯ ข้อ 1 เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตาย บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะพึงมีต่อไปภายหน้าข้าพเจ้าขอยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมฉบับนี้ ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 2. ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 10197......ตั้งอยู่ตำบลวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครพร้อมกับสิ่งปลูกสร้างข้าพเจ้าขอยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ ส.(โจทก์) แต่ผู้เดียว ข้อ 3. ข้าพเจ้าขอแต่งตั้งให้ ส. (โจทก์)เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตามพินัยกรรมฉบับนี้และให้เป็นผู้จัดการศพของข้าพเจ้าด้วย' ข้อความในพินัยกรรมข้อ 1. หมายความว่า เมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้วให้บรรดาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่นั้นตกเป็นของโจทก์ซึ่งมีชื่อเป็นผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว รวมทั้งทรัพย์สินตามที่ได้กล่าวไว้ในพินัยกรรมข้อ 2 ด้วย ดังนั้นที่ดินมรดกจึงตกเป็นของโจทก์ตามพินัยกรรม
ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นอ้างเป็นประเด็นให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ประเด็นอายุความจึงมิใช่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์และเป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะยกขึ้นอ้างหรือโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้
ส่วนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าหากโอนที่ดินไม่ได้ ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนนั้น ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาในชั้นฎีกาจำเลยได้โอนขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ฉะนั้น หากจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ก็ไม่อาจนำที่ดินนี้ออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน ตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้นั้นได้ จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกหากไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์เป็นจำนวน 500,000 บาท ตามส่วนของราคาที่ดินพร้อมด้วยดอกเบี้ย.
ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นอ้างเป็นประเด็นให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ประเด็นอายุความจึงมิใช่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์และเป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะยกขึ้นอ้างหรือโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้
ส่วนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าหากโอนที่ดินไม่ได้ ให้นำที่ดินออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนนั้น ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาในชั้นฎีกาจำเลยได้โอนขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ฉะนั้น หากจำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ก็ไม่อาจนำที่ดินนี้ออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน ตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้นั้นได้ จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามส่วนที่โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกหากไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์เป็นจำนวน 500,000 บาท ตามส่วนของราคาที่ดินพร้อมด้วยดอกเบี้ย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินเฉพาะเจาะจง และสิทธิเรียกร้องในส่วนแบ่งมรดก
ข้อความในพินัยกรรมที่ว่า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตายให้บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่และที่จะพึงมีต่อไปในภายหน้าตก เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ระบุชื่อ ในพินัยกรรม แต่ปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อระบุให้ได้รับทรัพย์สินตามพินัยกรรมก็มีแต่โจทก์เพียงคนเดียวเท่านั้น เช่นนี้ย่อมหมายความว่า เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้วให้บรรดาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่นั้นตก เป็นของโจทก์.