พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินให้แก่ผู้อื่นและการสิ้นสุดสิทธิครอบครอง รวมถึงการยกกระบือโดยไม่ต้องจดทะเบียน
ยกที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญกับเรือน และยุ้งข้าวบนที่ดินนั้นให้สิทธิครอบครองของผู้ให้สิ้นสุดลง ตาม มาตรา 1377กระบือซึ่งไม่ปรากฏว่ามีทะเบียนสัตว์พาหนะ การให้สมบูรณ์โดยการส่งมอบ ไม่ต้องจดทะเบียน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินชายตลิ่งเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง จำเลยครอบครองแล้วขับไล่ไม่ได้
ที่ดินซึ่งน้ำทะเลท่วมถึงเป็นที่ชายตลิ่ง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน โจทก์ไม่อาจได้ สิทธิครอบครอง จำเลยจึงมิได้อาศัยสิทธิครอบครองของโจทก์ทำประโยชน์ในที่พิพาท จำเลยครอบครอง โจทก์ขับไล่ไม่ได้เมื่อโจทก์มิได้เสียหายพิเศษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่พิพาทเป็นเหตุให้ฎีกาฐานบุกรุกต้องห้าม และคดีแพ่งต้องอ้างอิงข้อเท็จจริงจากคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกหรือละเมิดทางแพ่ง พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาในความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ส่วนคดีทางแพ่งที่ขอให้ขับไล่จำเลยนั้น เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จึงไม่มีสิทธิขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลพิพากษาได้แม้ไม่ได้อ้างกรรมสิทธิ์โดยตรง
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมืองเปล่าตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของ โจทก์นั้น หาได้มุ่งถึงกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่ และศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลพิพากษาได้แม้ไม่ได้อ้างกรรมสิทธิ์
คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์นั้น หาได้มุ่งถึงกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ไม่ และศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำลายสิทธิครอบครอง แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
บุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362 เป็นการรบกวนสิทธิครอบครอง แม้อสังหาริมทรัพย์เป็นที่ดินที่ครอบครอง มิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหายก็เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนไม่มีสิทธิครอบครอง แม้จะซื้อโดยสุจริต
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ได้มอบให้จำเลยที่ 1 ครอบครองดูแลแทน จำเลยที่ 1 แอบไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทแล้วโอนขายให้จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้น ดังนี้ แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายว่า จำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต แต่ถ้าได้ความว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นแต่เพียงครอบครองดูแลแทน ได้ไปขอออก น.ส.3 ลงชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยไม่ชอบจริงตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ก็ไม่กลายเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท และจำเลยที่ 2 ผู้รับโอนก็ไม่มีสิทธิดีไปกว่าจำเลยที่ 1 แม้จะได้รับโอนที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท จะอ้างความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 หาได้ไม่ คดีจึงจำเป็นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1 เพียงแต่ยึดถืออยู่ในฐานะผู้แทนโจทก์จริงดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องหรือไม่ ไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน - สิทธิครอบครอง - การแบ่งแยกที่ดิน - หลักฐานการซื้อขาย - การนำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนโจทก์ทั้งแปลง จำเลยให้การว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวแทนโจทก์เพียงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าว ย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
ที่จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งที่ดินตามโฉนดกันคนละครึ่งโดยให้ทิศเหนือเป็นของจำเลย ทิศใต้เป็นของโจทก์นั้น แม้ข้อตกลงนี้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์นำสืบมิได้ตามที่กล่าวอ้าง คดีก็จะต้องฟังว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์และจำเลยคนละครึ่งตามที่จำเลยยอมรับ ดังนั้น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจะมีสิทธินำสืบถึงข้อตกลงแบ่งที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่
ที่จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งที่ดินตามโฉนดกันคนละครึ่งโดยให้ทิศเหนือเป็นของจำเลย ทิศใต้เป็นของโจทก์นั้น แม้ข้อตกลงนี้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์นำสืบมิได้ตามที่กล่าวอ้าง คดีก็จะต้องฟังว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์และจำเลยคนละครึ่งตามที่จำเลยยอมรับ ดังนั้น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจะมีสิทธินำสืบถึงข้อตกลงแบ่งที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานะจากยึดถือแทนเป็นการยึดถือเพื่อตน ทำให้สิทธิครอบครองเดิมสิ้นสุด และเกิดอายุความ
แม้เดิมจำเลยจะยึดถือที่พิพาทไว้เพื่อทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ อันเป็นการยึดถือไว้แทนนายยะและโจทก์ แต่เมื่อนายยะตาย โจทก์และทายาทของนายยะขอชำระหนี้เงินกู้เพื่อเอาที่พิพาทคืน จำเลยไม่ยอมรับชำระ โดยอ้างว่าที่นาเป็นของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์และทายาทของนายยะว่า จำเลยไม่มีเจตนาจะยึดถือที่พิพาทไว้แทนโจทก์และทายาทของนายยะ เป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไว้แทนมาเป็นการยึดถือเพื่อตน อันเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์ และจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ถูกแย่งการครอบครอง ย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: ผู้ขายยังคงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ได้ แม้จะทำสัญญาจะซื้อขาย
ห. เป็นเจ้าของนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมี น.ส.3 ได้ทำสัญญากันเองขายให้ ส. ส. ชำระราคาบางส่วน ที่เหลือจะชำระในวันโอนทางทะเบียน ดังนี้ การซื้อขายนาพิพาทระหว่างห.กับส. มีข้อตกลงจะโอนทางทะเบียน แม้จะมีการตกลงให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองได้ระหว่างยังไม่ได้โอนนาพิพาท ก็เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขาย และเป็นการมอบที่ดินให้เข้าครอบครองแทนกันไปก่อน สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับ ห.เจ้าของนาพิพาทส. จะเข้าไปไถนา ปรากฏว่าจำเลยเข้าไปไถหว่านอยู่แล้วไม่ยอมให้ส.เข้าทำห. จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาบุกรุกได้