พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2523/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค-แจ้งความเท็จ: ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค และ ป.อาญา ม.267
จำเลยทำสัญญากู้เงิน โดยตกลงกันว่าหากจำเลยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยจะชำระหนี้เงินกู้ภายในหนึ่งเดือนและได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้เงินกู้ดังกล่าวลงวันที่ล่วงหน้าตามสัญญา แม้ต่อมาจำเลยไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่การที่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้เงินกู้ตั้งแต่แรก จำเลยย่อมคาดหวังว่าจะได้รับเลือกตั้งแน่นอน หาใช่ออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ไม่เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าสมุดเช็ค หายทั้งเล่ม หลังจากออกเช็คพิพาทเพียง 3 วันจำเลย จะอ้างว่าไม่มีเจตนาแจ้งว่าเช็คพิพาทหายหาได้ไม่ เพราะเช็คพิพาทรวมอยู่ในสมุดเช็คดังกล่าวด้วยซึ่งสามัญสำนึกของบุคคลเช่นจำเลยที่มีความรู้และยังสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยย่อมต้องรู้ถึงผลของการกระทำของตนเองดีว่าเป็นการแจ้งความเท็จให้เจ้าพนักงานจดข้อความดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดเมื่อมีการรับสภาพหนี้จากการชำระด้วยเช็ค แม้จะเรียกเก็บเงินไม่ได้ หนี้เดิมยังคงมีผล
ที่จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ชื่อ บริษัท อ.จำกัดกับทั้งการที่โจทก์มอบอำนาจให้ ว.เป็นผู้ฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับและไม่รับรอง เป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าว และแม้โจทก์จะอ้างอิงเอกสารหนังสือรับรองเป็นพยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้อต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรก ก็ไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีและแม้ศาลล่างทั้งสองจะรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวก็ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
โจทก์เป็นพ่อค้าขายเครื่องปรับอากาศฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแก่จำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) และการที่จำเลยที่ 2 ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็ค 5 ฉบับผ่อนชำระหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแทนจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่สิทธิเรียกร้องนั้นยังไม่ขาดอายุความ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ จึงเป็นการรับสภาพหนี้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ลงในเช็คฉบับสุดท้ายซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คฉบับสุดท้ายได้เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ชำระราคาสินค้าไปแล้ว 370,046 บาท คงค้างชำระ 211,408 บาทต่อมาจำเลยที่ 2 ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ด้วยเช็ค 5 ฉบับ จำนวน 194,445 บาท แต่เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ หนี้ค่าสินค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โจทก์เรียกร้องหนี้ที่ค้างได้เต็มจำนวน
โจทก์เป็นพ่อค้าขายเครื่องปรับอากาศฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแก่จำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) และการที่จำเลยที่ 2 ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็ค 5 ฉบับผ่อนชำระหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแทนจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่สิทธิเรียกร้องนั้นยังไม่ขาดอายุความ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ จึงเป็นการรับสภาพหนี้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ลงในเช็คฉบับสุดท้ายซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คฉบับสุดท้ายได้เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 วรรคสอง
จำเลยที่ 1 ชำระราคาสินค้าไปแล้ว 370,046 บาท คงค้างชำระ 211,408 บาทต่อมาจำเลยที่ 2 ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ด้วยเช็ค 5 ฉบับ จำนวน 194,445 บาท แต่เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ หนี้ค่าสินค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โจทก์เรียกร้องหนี้ที่ค้างได้เต็มจำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุด-รับสภาพหนี้: เช็คผ่อนชำระคดีค้าขายเครื่องปรับอากาศ
ที่จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดชื่อ บริษัท อ.จำกัดกับทั้งการที่โจทก์มอบอำนาจให้ว. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับและไม่รับรอง เป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องดังกล่าวและแม้โจทก์จะอ้างอิงเอกสารหนังสือรับรองเป็นพยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้อต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรก ก็ไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีและแม้ศาลล่างทั้งสองจะรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวก็ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย โจทก์เป็นพ่อค้าขายเครื่องปรับอากาศฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และการที่จำเลยที่ 2ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็ค 5 ฉบับผ่อนชำระหนี้ค่าเครื่องปรับอากาศและอะไหล่ของเครื่องปรับอากาศแทนจำเลยที่ 1ในระหว่างที่สิทธิเรียกร้องนั้นยังไม่ขาดอายุความ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเป็นการรับสภาพหนี้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ลงในเช็คฉบับสุดท้ายซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คฉบับสุดท้ายได้เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 วรรคสอง จำเลยที่ 1 ชำระราคาสินค้าไปแล้ว 370,046 บาท คงค้างชำระ211,408 บาท ต่อมาจำเลยที่ 2 ตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ด้วยเช็ค 5 ฉบับ จำนวน 194,445 บาท แต่เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้หนี้ค่าสินค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โจทก์เรียกร้องหนี้ที่ค้างได้เต็มจำนวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงวันที่เช็คโดยผู้ทรงเช็คเมื่อจำเลยยินยอม ถือเป็นสิทธิของผู้ทรงเช็คและถูกต้องตามกฎหมาย
การที่จำเลยกู้ยืมเงิน ส.โดยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ส.ไว้ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่า จำเลยยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่เองตามที่เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค เอาชำระหนี้นั้นได้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายจึงย่อมลงวันที่ใดก็ได้ และเมื่อโจทก์ได้ลงวันที่ไปแล้วย่อมเป็นการชอบ อีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คก็ถือเป็นปริยายได้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่สั่งจ่ายโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และเป็นการลงวันที่สั่งจ่ายเช็คที่ถูกต้องแท้จริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงวันที่เช็คโดยผู้ทรงเช็คและการถือเอาวันที่ลงวันที่โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการขาดอายุความ
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คให้แก่ ส. ตั้งแต่ประมาณต้นปี 2507แต่ไม่ได้ลงวันที่ ต่อมาโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาในสภาพเดียวกันโจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารได้ลงวันที่ที่มีการนำเช็คเข้าลงบนเช็คพิพาท ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 มอบเช็คพิพาทให้แก่ ส. ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่า จำเลยยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่ในเช็คได้เองตามที่เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงย่อมลงวันที่ได้เมื่อโจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีในวันที่ 3 กันยายน 2527 แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันเดียวกันจากนั้นในวันที่ 9 ตุลาคม 2527 โจทก์นำคดีมาฟ้องศาล จึงยังไม่พ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันสั่งจ่าย คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ การที่โจทก์นำเช็คที่ยังไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายไปขึ้นเงินที่ธนาคาร แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่สั่งจ่ายที่ถูกต้องแท้จริงลงบนเช็ค ย่อมถือเป็นปริยายได้ว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่สั่งจ่ายโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง จำเลยที่ 1จะโต้แย้งในภายหลังว่าการกระทำนั้นไม่สุจริตหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง และประเด็นการกระทำผิดร่วมกันออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยลงโทษปรับสถานเดียว คดีของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เงินที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 นำเช็คแลกเงินสดทั้งสองฉบับเป็นเงินที่โจทก์มีอำนาจใช้สอยได้ บิดาโจทก์มอบให้โจทก์ไว้โดยเสน่หาเป็นเงินสดส่วนตัวของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คแล้วจำเลยฎีกาว่าการรับแลกเช็คคดีนี้เป็นการกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2โดยเอาเช็คจำเลยที่ 1 เป็นประกันโดยมิชอบ โจทก์รับแลกเช็คแทนบิดามารดาโจทก์ และจำเลยที่ 2 ร่วมกับนายทองเจือ ปลอมเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามตามกฎหมาย เช็คพิพาทเป็นเช็คของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในขณะนั้นลงชื่อโดยถูกต้องแต่ลายมือชื่อที่ลงร่วมด้วยไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดจากโจทก์ การสั่งจ่ายเช็คของห้างจำเลยที่ 1นี้เป็นเรื่องระหว่างธนาคารตามเช็คกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคล การกระทำของจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้กระทำแทน เมื่อเช็คพิพาทถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเหตุผลว่าไม่มีเงินในบัญชีพึงให้ใช้เงินตามเช็คกรณีก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องส่วนลายมือชื่อของจำเลยที่ 3 เป็นลายมือชื่อปลอม ไม่เหมือนกับตัวอย่างที่ให้ไว้แก่ธนาคารนั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้ใดปลอมขึ้น แต่ก็ย่อมเห็นเจตนาได้ว่าเป็นการปลอมขึ้นเพื่อให้เหมือนตัวอย่าง ลายมือชื่อที่จำเลยที่ 3 ให้ไว้แก่ธนาคารและตามข้อตกลงที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารซึ่งโจทก์เป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ร่วมรู้เห็นด้วย ดังนี้ แม้ลายมือชื่อจำเลยที่ 3 จะเป็นลายมือชื่อปลอมก็มีผลเพียงทำให้คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิดไม่มีผลให้การกระทำในส่วนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่เป็นความผิดตามฟ้องแล้วเปลี่ยนแปลงไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2272/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของโจทก์ในการดูแลเช็ค ทำให้เกิดการปลอมลายมือชื่อและจำเลยมีสิทธิเรียกหนี้ได้
กรรมการของบริษัทโจทก์ได้มอบสมุดเช็คของบริษัทให้ ค. เก็บไว้กับให้ ค. เป็นผู้กรอกข้อความในเช็คมาให้กรรมการลงนามและทุกสิ้นเดือนธนาคารจำเลยจะส่งสำเนาการ์ด บัญชีให้โจทก์ตรวจสอบซึ่งหากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตรวจดู บ้าง โจทก์ย่อมจะทราบว่ามีการปลอมลายมือชื่อกรรมการของโจทก์ลงในเช็คของโจทก์ตั้งแต่ฉบับแรกไปถอนเงิน เพราะปกติโจทก์จะไม่สั่งจ่ายเช็คเงินสดจำนวนมากโจทก์จึงเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคแรกตอนท้าย จำเลยจึงมีสิทธินำจำนวนเงินที่จ่ายตามเช็คทั้ง 8 ฉบับมาลงบัญชีของโจทก์ว่าโจทก์เป็นลูกหนี้จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินพร้อมกัน ก็ถือเป็นความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
แม้เช็คพิพาททั้งหกฉบับที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์จะลงวันออกเช็ควันเดียวกัน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คทุกฉบับในวันเดียวกันก็ตาม การออกเช็คพิพาทดังกล่าวจำเลยอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แยกออกจากกันได้ จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่ายผู้ถือ: ผู้รับโอนมีสิทธิฟ้องได้ ผู้สั่งจ่ายไม่สามารถต่อสู้เรื่องความสัมพันธ์กับผู้ทรงคนก่อนได้
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายผู้ถือ โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คจึงเป็นผู้ถือและเป็นผู้ทรงซึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดตามเช็คได้ จำเลยไม่อาจต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนเว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบ มาตรา 989 จำเลยให้การเพียงว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คให้ ส. เพื่อค้ำประกันโดยไม่มีมูลหนี้ จำเลยชำระหนี้ตามเช็คให้แก่ ส.แล้วแต่ส.ใช้อุบายชั้นเชิงให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต คำให้การดังกล่าวไม่ชัดแจ้งว่ามีการโอนเช็คด้วยคบคิดกันฉ้อฉลอย่างไร โจทก์ไม่สุจริตอย่างไร จึงไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี และไม่จำต้องสืบพยาน เมื่อจำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้รับเช็คในฐานะผู้แทนห้างหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจเป็นผู้เสียหาย
โจทก์ร่วมได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยในฐานะเป็นผู้แทน ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์