พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องละเมิดไม่ชัดเจน: คำฟ้องต้องระบุเหตุละเมิดที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างของบุตรโจทก์ แต่ในฟ้องบรรยายเพียงว่า จำเลยใช้ให้บุตรโจทก์ลงไปขุดทรายในบ่อแล้วดินพังลงมาทับตายเช่นนี้ ตามคำฟ้องย่อมไม่มีเหตุที่เป็นข้ออ้าง ว่าจำเลยได้ทำละเมิดแก่บุตรโจทก์อันจะพึงบังคับให้จำเลยต้องรับชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์: การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 18 นั้น ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องระบุการฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมหมายถึงสัตว์ที่นำมาเลี้ยงในชุมชน ไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2502 มาตรา 6,18 นั้น ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัวไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใดจึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์ การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2502 มาตรา 6,18 นั้น. ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว.ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด. จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ในวันที่ 20 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2508 เวลา 3 นาฬิกาเศษ วันเวลาตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับเวลาดังที่กล่าวในฟ้อง ดังนี้ วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่รายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ในวันที่ 20 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2508 เวลา3 นาฬิกาเศษ วันเวลาตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับวันเวลาดังที่กล่าวในฟ้อง ดังนี้ วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่รายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องตั้งประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น การสอบถามเพื่อขยายประเด็นนอกเหนือจากที่คู่ความยกขึ้นมาไม่ชอบ
การที่ศาลจะกำหนดประเด็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 183 นั้น ย่อมจะต้องกำหนดตามประเด็นที่คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างมาในคำฟ้องและคำให้การเท่านั้น การสอบถามของศาลตามมาตรานี้ก็เพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นที่โต้เถียงกันจะสอบถามแล้วตั้งประเด็นขึ้นใหม่หาได้ไม่
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ประเด็นที่ว่าจำเลยออกคำสั่งมิชอบ เพราะไม่ได้จัดที่อยู่อาศัยให้โจทก์มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาด้วยวาจา ต้องได้ความชัดเจนพอพิพากษา หากไม่ชัดต้องคืนคดีให้ผู้ว่าคดีดำเนินการต่อ
ศาลแขวงบันทึกคำฟ้องด้วยวาจาไว้ว่า จำเลยเข้าไปในเขตอาคารเก็บรักษาทรัพย์สินค้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ข้อหาเช่นนี้ย่อมหมายรวมทั้งตัวอาคารและเขตของอาคารด้วย ซึ่งไม่ชัดพอที่จะเป็นผิดฐานบุกรุกตามมาตราที่โจทก์ฟ้องได้และจำเลยก็ให้การว่าเข้าไปเดินอยู่ที่ถนนภายในเขตอาคารเก็บสินค้าเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าไม่ได้รับเต็มตามข้อหา จึงเป็นเรื่องที่ศาลต้องสั่งคืนผู้ต้องหาไห้ผู้ว่าคดีรับไปดำเนินการต่อไปตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการสินบริคณห์และการดำเนินคดีแพ่ง: การฟ้องร้องต้องกระทำโดยการยื่นคำฟ้อง
เมื่อไม่ปรากฏว่ามีสัญญาก่อนสมรสให้อำนาจภริยาผู้ร้องเป็นผู้จัดการสินบริคณห์อย่างไร ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีอำนาจจัดการสินบริคณห์ตามกฎหมาย การที่ภริยาผู้ร้องเข้าแย่งจัดการ ผู้ร้องจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการหาได้ไม่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจะนำคดีมาสู่ศาลได้ 2 อย่าง คือ คดีมีข้อพิพาทกับคดีที่ไม่มีข้อพิพาท
คดีของผู้ร้องปรากฏว่ามีคำขอให้บังคับคดีแก่ภริยาผู้ร้อง โดยขอให้ศาลสั่งห้ามภริยาไม่ให้เข้าจัดการในที่ดินสินบริคณห์ เป็นการโต้แย้งสิทธิซึ่งได้ตั้งพิพาทกันในทางแพ่งจึงเป็นคดีมีข้อพิพาทอันจะต้องเริ่มคดีด้วยการทำเป็นคำฟ้องมายื่นต่อศาลเรียกเอาภริยาเข้ามาเป็นคู่ความเพื่อให้โอกาสแก่ภริยาต่อสู้คัดค้านป้องกันสิทธิและเพื่อที่จะบังคับคดีเอาแก่ภริยาได้ตามคำร้องขอของผู้ร้อง จึงต้องเสนอคดีโดยทำเป็นคำฟ้องมายื่นต่อศาล
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจะนำคดีมาสู่ศาลได้ 2 อย่าง คือ คดีมีข้อพิพาทกับคดีที่ไม่มีข้อพิพาท
คดีของผู้ร้องปรากฏว่ามีคำขอให้บังคับคดีแก่ภริยาผู้ร้อง โดยขอให้ศาลสั่งห้ามภริยาไม่ให้เข้าจัดการในที่ดินสินบริคณห์ เป็นการโต้แย้งสิทธิซึ่งได้ตั้งพิพาทกันในทางแพ่งจึงเป็นคดีมีข้อพิพาทอันจะต้องเริ่มคดีด้วยการทำเป็นคำฟ้องมายื่นต่อศาลเรียกเอาภริยาเข้ามาเป็นคู่ความเพื่อให้โอกาสแก่ภริยาต่อสู้คัดค้านป้องกันสิทธิและเพื่อที่จะบังคับคดีเอาแก่ภริยาได้ตามคำร้องขอของผู้ร้อง จึงต้องเสนอคดีโดยทำเป็นคำฟ้องมายื่นต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายสถานที่เกิดเหตุในคำฟ้องอาญา เพียงพอเมื่อจำเลยเข้าใจข้อหาได้จากบริบท
คำว่า สถานที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) นั้น หมายถึงสถานที่ที่เกิดกระทำผิด หาได้กำหนดไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องระบุว่าอยู่หมู่ใด ตำบลใด เสมอไปไม่ เพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว คดีนี้ราษฎรเป็นโจทก์ ในคำฟ้องระบุว่าโจทก์จำเลยต่างอยู่บ้านใกล้เคียงบ้านหนองแก ตำบลยางหล่อ อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจเข้าไปในบ้านโจทก์ แม้จะไม่ลงว่าบ้านโจทก์ตั้งอยู่ที่ตำบล อำเภอ และจังหวัดใดก็ดี จำเลยก็ย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีว่า การกระทำผิดเกิด ณ สถานที่ใด เพราะโจทก์จำเลยเป็นคนอยู่ในละแวกหมู่บ้านเดียวกัน ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2509)