พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินโดยโฉนดที่ออกให้บุคคลไม่มีตัวตน และการรับจำนองโดยไม่สุจริต
ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ด. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ด. นี้ไม่มีตัวตนจริงการออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ด.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้.โดยอ้างว่าย. ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนอง โจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ด.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มีว. ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ด.ได้รับมอบอำนาจจากด. ให้มาทำสัญญาจำนองโจทก์ก็เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป.แต่แล้วโจทก์ก็ไม่มีย. และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ด. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใดๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายการที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้งคำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีจำนอง เจ้าหนี้เลือกบังคับได้ทั้งจากทรัพย์สินทั่วไปและทรัพย์จำนอง
หนี้ที่มีจำนองเป็นประกัน เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างหนี้สามัญ คือ บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินทั่วไปของลูกหนี้ หรือจะบังคับจำนอง คือ ใช้บุริมสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้จำนอง: บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินลูกหนี้นอกเหนือจากจำนองได้
หนี้ที่มีจำนองเป็นประกัน เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างหนี้สามัญ คือ บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินทั่วไปของลูกหนี้ หรือจะบังคับจำนอง คือ ใช้บุริมสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนอง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนที่ดินชำระหนี้จำนอง และสิทธิการรับชำระหนี้ของผู้รับจำนองรายหลัง
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าไว้แก่โจทก์แล้วออกโฉนดนำไปจำนองไว้แก่ผู้อื่น ต่อมาโอนที่รายนี้ให้แก่ผู้รับจำนองรายหลังเป็นการชำระหนี้ โจทก์ทราบจึงฟ้องบังคับจำนองและขอให้เพิกถอนการโอนตามขอ ดังนี้ แม้หนี้จำนองรายหลังหมดไป เมื่อจำเลยโอนที่ให้ก็จริง แต่เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนการโอนชำระหนี้เสียแล้ว การชำระหนี้ก็เป็นอันไร้ผล ผู้รับจำนองรายหลังจึงมีสิทธิร้องขอรับชำระหนี้จำนองของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองและการเพิกถอนการชำระหนี้: สิทธิของผู้รับจำนองรายหลัง
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าไว้แก่โจทก์แล้วออกโฉนดนำไปจำนองไว้แก่ผู้อื่น ต่อมาโอนที่รายนี้ให้แก่ผู้รับจำนองรายหลังเป็นการชำระหนี้โจทก์ทราบจึงฟ้องบังคับจำนองและขอให้เพิกถอนการโอนนั้น ศาลพิพากษาบังคับจำนองและเพิกถอนการโอนตามขอ ดังนี้ แม้หนี้จำนองรายหลังหมดไปเมื่อจำเลยโอนที่ให้ก็จริง แต่เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนการโอนชำระหนี้เสียแล้ว การชำระหนี้ก็เป็นอันไร้ผล ผู้รับจำนองรายหลังจึงมีสิทธิร้องขอรับชำระหนี้จำนองของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองและการฟ้องซ้ำ: สิทธิการฟ้องของโจทก์และการโต้แย้งสิทธิของจำเลย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินได้ต้องรับภาระหนี้จำนองแทนผู้จำนองเดิมและให้จำเลยไปจดทะเบียนการจำนองต่อหอทะเบียน ศาลพิจารณาฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องใหม่ขอให้บังคับจำนองได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการสั่งพิทักษ์ทรัพย์ต่อการบังคับคดีจำนอง: การบังคับคดีต้องสำเร็จก่อน
เดิมศาลพิพากษาให้จำเลยทำสัญญาจำนองโรงเลื่อยเป็นประกันหนี้โจทก์ถ้าไม่ทำให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาจำเลยได้รับคำบังคับแล้วแต่ก่อนจำเลยได้รับคำบังคับศาลแพ่งสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลาย และหมายตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วดังนี้ โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปทำสัญญาจำนองแทนจำเลยไม่ได้เพราะการบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์ก่อนวันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จึงใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 110
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักประกันการชำระหนี้ต้องเป็นการจำนองตามกฎหมาย การยึดใบแจ้งการครอบครองที่ดินมิใช่หลักประกันที่ถูกต้อง
คำว่า "ประกัน" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 (2) นั้น หมายความถึงการประกันการชำระหนี้
การที่จะให้อสังหาริมทรัพย์ใดเป็นการประกันการชำระหนี้ได้ ต้องกระทำด้วยวิธีการจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702, 703 และต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 704
สัญญากู้ยืมเงินที่ระบุไว้ว่าผู้กู้ได้นำใบแจ้งการครอบครองที่ดินสวนยาง 1 แปลง เนื้อที่ 9 ไร่เศษให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันด้วยนั้น หาใช่เป็นการเอาสวนยางเข้าประกันการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้น ถ้าผู้กู้ทำนิติกรรมยกสวนบางบางส่วนให้คนอื่นไป จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 (2)
การที่จะให้อสังหาริมทรัพย์ใดเป็นการประกันการชำระหนี้ได้ ต้องกระทำด้วยวิธีการจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702, 703 และต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 704
สัญญากู้ยืมเงินที่ระบุไว้ว่าผู้กู้ได้นำใบแจ้งการครอบครองที่ดินสวนยาง 1 แปลง เนื้อที่ 9 ไร่เศษให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันด้วยนั้น หาใช่เป็นการเอาสวนยางเข้าประกันการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้น ถ้าผู้กู้ทำนิติกรรมยกสวนบางบางส่วนให้คนอื่นไป จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องจำนองและสัญญาเช่าไม่เกี่ยวข้องกัน ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าผิดสัญญาเช่าที่ดิน จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งว่าที่ดินพิพาทเดิมจำเลยจำนองโจทก์ แล้วโอนให้โจทก์ โดยไม่ต้องบังคับจำนอง โจทก์ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มเงินให้แล้ว โจทก์ผิดคำมั่นจึงขอเรียกเงินจำนวนนั้น เช่นนี้ เป็นกรณีเกี่ยวกับข้อตกลงที่โจทก์ได้ที่ดินมาจากจำเลยอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับการเช่าในฟ้องเดิมอย่างใด จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์อีกต่างหาก