คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201-1203/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงลงทุน-ผลตอบแทนสูงเกินจริง-เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
จำเลยตั้งสำนักงานขึ้นให้ชื่อว่าบริษัทชัยวัฒนา มีวัตถุประสงค์ทำการค้าและชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาฝากเป็นการเข้าหุ้น แต่การเข้าหุ้นนี้จำเลยคิดผลประโยชน์ให้ร้อยละ 50 ต่อเดือนเป็นรายเดือน มีประชาชนหลายจังหวัดนำเงินมามอบให้จำเลยเป็นจำนวนมากมายหลายสิบล้านบาทเพราะหวังประโยชน์ตอบแทนอันสูง ดังนี้เมื่อคำนวณอัตราผลประโยชน์ร้อยละ 50 ต่อเดือนที่จำเลยคิดให้แล้วในต้นเงินเพียง100 บาท ถ้าฝากจำเลยสมทบทั้งต้นและผลประโยชน์ ในปีหนึ่งจำเลยจะต้องจ่ายเป็นเงินหนึ่งหมื่นเศษ ถ้าถึงปีที่ 2 ก็เป็นจำนวนเกินล้านบาท ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยจะไปหาผลกำไรจากที่ไหนมาจ่ายให้ได้ แม้จำเลยเองก็ว่าหุ้นส่วนมีกำไรเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แต่กระนั้นจำเลยก็ยังคงจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ฝากไปได้ เหตุที่จำเลยจ่ายเงินปันผลทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามีกำไรเท่าใดนั้น ย่อมประกอบให้เห็นเจตนาจำเลยในการลวงให้เขาหลงเชื่อโดยแท้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้อุบายเป็นทำนองว่าตนทำการค้าใหญ่โตให้เขานำเงินมาฝากเข้าเป็นหุ้นส่วน โดยสัญญาจะจ่ายเงินปันผลให้ร้อยละ 50 ต่อเดือนทั้งๆ ที่ตนเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถจะจ่ายให้เขาได้จึงนับว่าเป็นความเท็จและคนหลงเชื่อนำเงินมาฝากมากมายเช่นนี้ย่อมเข้าเกณฑ์ความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304 และการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติธนาคารพานิชย์ เพราะไม่ใช่ทำการเป็นธนาคารพานิชย์ และไม่มีสภาพคล้ายคลึงกับกิจการธนาคารตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขแห่งสาธารณะชน พ.ศ.2471 มาตรา 7
โจทก์กล่าวฟ้องว่าก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานไม่ทำบัญชีแสดงรายการรับและจำหน่ายน้ำตาลมาครั้งหนึ่ง ศาลพิพากษาปรับ 50 บาท ดังปรากฏในคดีแดงที่ 178/2489 พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปีจำเลยแถลงรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง แล้วโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่าความผิดฐานไม่ทำบัญชีซึ่งจำเลยเคยต้องโทษนั้นเป็นความผิด ซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนลหุโทษ และมิใช่ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยประมาท ศาลสอบจำเลย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตและปรากฏว่าในสำนวนเลขแดงที่ 178/2489 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติภาษีการซื้อน้ำตาล มาตรา 26 ที่บัญญัติให้มีโทษปรับไม่เกิน 2000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน2 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษดังนี้แม้ในฟ้องจะมิได้ระบุว่าโทษครั้งก่อนเนื่องจากความผิดต่อ กฎหมาย ใดเลยก็เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามกฎหมายอาญา มาตรา 72 ตามฟ้องของโจทก์ได้
ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย นั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ได้ทรัพย์คืนจากการยึด เป็นการมีเจตนาผิดกฎหมาย ทำให้ขาดอำนาจฟ้องฐานฉ้อโกง
การที่โจทก์ให้เงินแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานเพื่อจัดการให้คืนไม้ของกลางซึ่งถูกยึดไปนั้นย่อมมีวัตถุประสงค์ผิด ก.ม.ไม่สุจริตฉนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วย ก.ม.หาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องทุกข์ในฐานฉ้อโกงนี้
อ้างฎีกาที่ 771/2453

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือทางกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ขาดอำนาจฟ้องฐานฉ้อโกง
การที่โจทก์ให้เงินแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานเพื่อจัดการให้คืนไม้ของกลางซึ่งถูกยึดไปนั้น ย่อมมีวัตถุประสงค์ผิด กฎหมายไม่สุจริต ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องทุกข์ในฐานฉ้อโกงนี้ (อ้างฎีกาที่771/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเรือโดยผู้ไม่มีสิทธิและสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์มรดก
ผู้เช่าเรือฉ้อโกง เอาเรือของเจ้าของไปขายให้แก่ผู้อื่นโดยปลอมตนว่าเป็นเจ้าของเรือ และลงชื่อเจ้าของเรือปลอมในสัญญาซื้อขายที่อำเภอ แม้ผู้ซื้อจะรับซื้อไว้โดยสุจริตก็ไม่ได้กรรมสิทธิในเรือนั้น เจ้าของเรือย่อมมีสิทธิเรียกคืนและให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นได้
แม้ผู้ตายจะมีบุตรและภริยาอยู่ก็ดี บิดาของผู้ตายก็เป็นทายาทและมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายเหมือนกัน บิดาของผู้ตาย จึงมีสิทธิฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกของผู้ตายจากผู้ที่ไม่มีสิทธิยึดถือคืนมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและการฉ้อโกงทำให้เกิดความเสียหาย การฟ้องขอค่าเสียหายคืนได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เดิมเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่ซ่อมเรือให้ส่งมอบเรือที่ซ่อมคืนในสภาพเดิม ซึ่งขณะนั้นปรากฎว่า ไม่มีเครื่องยนต์ในเรือเพราะมีคนถอดเอาไป ศาลจึงพิพากษาให้เจ้าของอู่ซ่อมเรือใช้ค่าเสียหาย แก่เจ้าของเรือ ต่อมาปรากฏว่า คนของเจ้าของเรือเป็นผู้มาถอดเอาเครื่องยนต์ในเรือไปแล้วหาย ต่อมาจับได้ และเจ้าของเรือได้รับเอาเครื่องยนต์คืนจากตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่เรือ ดังนี้ เจ้าของอู่เรือย่อมมีสิทธิฟ้องเจ้าของเรือ ฐานปิดบังความจริงและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาบังคับเจ้าของอู่เรือ ให้ใช้ค่าเสียหายที่ต้องชำระไปดังกล่าวคืนจากเจ้าของเรือได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและการฉ้อโกงทำให้เกิดความเสียหาย สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายคืน
เดิมเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่ซ่อมเรือให้ส่งมอบเรือที่ซ่อมคืนในสภาพเดิมซึ่งขณะนั้นปรากฏว่า ไม่มีเครื่องยนต์ในเรือเพราะมีคนถอดเอาไปศาลจึงพิพากษาให้เจ้าของอู่ซ่อมเรือใช้ค่าเสียหาย แก่เจ้าของเรือ ต่อมาปรากฏว่า คนของเจ้าของเรือเป็นผู้มาถอดเอาเครื่องยนต์ในเรือไปแล้วหาย ต่อมาจับได้ และเจ้าของเรือได้รับเอาเครื่องยนต์คืนจากตำรวจไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนเจ้าของเรือฟ้องเจ้าของอู่เรือดังนี้ เจ้าของอู่เรือย่อมมีสิทธิฟ้องเจ้าของเรือ ฐานปิดบังความจริงและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการกล่าวเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาบังคับเจ้าของอู่เรือ ให้ใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของเรือตามฟ้องเจ้าของอู่เรือจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่ต้องชำระไปดังกล่าวคืนจากเจ้าของเรือได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์: การแยกความผิดฐานและความสมบูรณ์ของฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอก: การฟ้องไม่สมบูรณ์ในฐานยักยอกเมื่อได้ทรัพย์มาจากการฉ้อโกง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยใช้อุบายหลอกลวงให้ส่งเงิน แต่กลับนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว คดีไม่ขาดอายุความ
โจทก์จำเลยร่วมกันเช่าที่ดินมาปลูกตึกแถวและได้ตกลงรับผิดจ่ายค่าจ้างเหมาแยกกันตามส่วน ดังนี้เมื่อจำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้โจทก์ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยโดยอ้างว่าผู้รับเหมาให้มารับแทน ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นนี้ แม้จำเลยจะได้นำเงินนั้นไปใช้จ่ายค่าประตูหน้าต่างแลเค่าแรงงานก่อสร้างตึกนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเองไม่เกี่ยวแก่โจทก์ จำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 304

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยใช้อุบายหลอกลวงรับเงินค่าก่อสร้างเพื่อประโยชน์ตนเอง แม้จะนำไปใช้จ่ายค่าก่อสร้างก็ไม่เป็นการชดใช้
โจทก์จำเลยร่วมกันเช่าที่ดินมาปลูกตึกแถวและได้ตกลงรับผิดจ่ายค่าจ้างเหมาแยกกันตามส่วน ดังนี้เมื่อจำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้โจทก์ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลย โดยอ้างว่า ผู้รับเหมาให้มารับแทน ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นนี้แม้จำเลยจะได้นำเงินนั้นไปใช้จ่ายค่าประตูหน้าต่างและค่าแรงงานก่อสร้างตึกนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเองไม่เกี่ยวแก่โจทก์ จำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 304
of 94