คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้จัดการมรดก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกฟ้องขับไล่และการไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์
พินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก กำหนดให้โจทก์ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินมรดกให้ทายาทผู้ตายโดยให้มีถนนเข้าสู่ที่ดินทุกแปลง เมื่อโจทก์เพียงแต่โอนที่ดินใส่ชื่อทายาทของผู้ตายลงในโฉนด แต่ยังมิได้จัดการแบ่งแยกที่ดินและทำถนนการจัดการมรดกจึงยังไม่เสร็จสิ้น โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินอันเป็นมรดกของผู้ตายได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาท แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินนั้นติดต่อกันมาเกิน 10 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้จัดการมรดกยังคงมีอยู่จนกว่าการจัดการมรดกจะเสร็จสิ้น แม้จะโอนทรัพย์สินให้ทายาทแล้ว
พินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก กำหนดให้โจทก์ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินมรดกให้ทายาทผู้ตายโดยให้มีถนนเข้าสู่ที่ดินทุกแปลง เมื่อโจทก์เพียงแต่โอนที่ดินใส่ชื่อทายาทของผู้ตายลงในโฉนด แต่ยังมิได้จัดการแบ่งแยกที่ดินและทำถนนการจัดการมรดกจึงยังไม่เสร็จสิ้น โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินอันเป็นมรดกของผู้ตายได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาท แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินนั้นติดต่อกันมาเกิน 10 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก แม้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการ และการละเมิดสิทธิในทรัพย์มรดก
ในระหว่างจัดการมรดก โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจที่จะกระทำการใด ๆ ในทางจัดการที่จำเป็นได้ ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1736 จำเลยและบริวารเข้าครอบครองอาคารพิพาทโดยทายาทอื่นมิได้ยินยอม ทำให้ทายาทอื่นขาดผลประโยชน์จากการใช้อาคาร จึงเป็นการละเมิด แม้จำเลยจะเป็นทายาทคนหนึ่ง จำเลยก็ไม่อาจถือเอาประโยชน์จากทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นของตนแต่ผู้เดียว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก: คำสั่งศาลที่ยังไม่ถึงที่สุด ไม่กระทบสิทธิฟ้องในคดีอื่น
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากอาคารพิพาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ระหว่างพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นศาลได้มีคำสั่งในคดีตั้งผู้จัดการมรดกให้เพิกถอนโจทก์ทั้งสองจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะโจทก์อุทธรณ์คำสั่งในคดีดังกล่าวอยู่ แม้จำเลยจะเป็นผู้ร้องขอให้ถอน โจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีนั้นก็ตาม แต่ก็เป็นคู่ความคนละคดีกัน จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล จะยกขึ้นใช้อ้างอิงหรือใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา145(1) ก็ต่อเมื่อเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้นเมื่อคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องอุทธรณ์คดีนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก & การละเมิดจากทายาท การครอบครองทรัพย์มรดกโดยไม่ยินยอม
ในระหว่างจัดการมรดก โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจที่จะกระทำการใด ๆ ในทางจัดการที่จำเป็นได้ ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1736 จำเลยและบริวารเข้าครอบครองอาคารพิพาทโดยทายาทอื่นมิได้ยินยอม ทำให้ทายาทอื่นขาดผลประโยชน์จากการใช้อาคาร จึงเป็นการละเมิด แม้จำเลยจะเป็นทายาทคนหนึ่ง จำเลยก็ไม่อาจถือเอาประโยชน์จากทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นของตนแต่ผู้เดียว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกกรณีผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นปฏิปักษ์กัน ศาลเลือกผู้จัดการมรดกที่เหมาะสม
ในกรณีที่มีแต่ผู้ร้องและผู้คัดค้านเพียงสองคนเท่านั้น ขอเป็นผู้จัดการมรดก และมีพฤติการณ์ว่าคนทั้งสองเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน การจัดการมรดกคงจะไม่อาจถือเอาเสียงข้างมากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726 ได้หากให้คนทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันย่อมจะไม่เป็นผลดีแก่กองมรดกและแก่ทายาทของผู้ตาย โดยเหตุนี้ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยพิจารณาตั้งผู้ที่มีความเหมาะสมมากกว่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้จัดการมรดก: พิจารณาความเหมาะสมจากประสบการณ์และความเป็นกลางเพื่อประโยชน์สูงสุดของกองมรดก
กองมรดกมีแต่ผู้ร้องและผู้คัดค้านเพียงสองคนเท่านั้นที่ขอเป็นผู้จัดการมรดก แต่ทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านมีพฤติการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันหากให้ร่วมกันจัดการมรดกคงไม่อาจถือเอาเสียงข้างมากได้และไม่เป็นผลดีแก่กองมรดก จึงสมควรตั้งผู้จัดการมรดกเพียงคนเดียว ผู้ร้องเป็นบุตรคนโต ของผู้ตายและเป็นพี่ของทายาททุกคน มีอายุ47 ปี เคยช่วยเหลือผู้ตายดูแล กิจการโรงแรมซึ่งเป็นทรัพย์มรดกอยู่นานประมาณ 10 ปี เคยเป็นเทศมนตรี สมาชิกสภาจังหวัด ประธานสภาจังหวัดและเคยดำเนินธุรกิจโดยเป็นผู้จัดการบริษัทเงินทุนนานประมาณ 8 ปีทั้งบรรดาทายาทส่วนมากของผู้ตายต่างยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนผู้คัดค้านแม้จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทแต่อายุเพียง 26 ปี เมื่อเทียบกับผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องมีประสบการณ์ในชีวิต และการทำงานมากกว่าผู้คัดค้าน และตามข้อนำสืบของผู้คัดค้านยังฟังไม่ชัดแจ้งว่า ผู้ร้องมีเจตนาที่จะเบียดบังและยักย้ายทรัพย์มรดกหรือมีความประพฤติไม่ดีต่อกองมรดกของผู้ตาย ผู้ร้องจึงมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกมากกว่าผู้คัดค้าน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกกรณีผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นปฏิปักษ์: เลือกผู้จัดการมรดกเหมาะสม
ในกรณีที่มีแต่ผู้ร้องและผู้คัดค้านเพียงสองคนเท่านั้นขอเป็นผู้จัดการมรดก และมีพฤติการณ์ว่าคนทั้งสองเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน การจัดการมรดกคงจะไม่อาจถือเอาเสียงข้างมากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1726 ได้หากให้คนทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันย่อมจะไม่เป็นผลดีแก่กองมรดกและแก่ทายาทของผู้ตาย โดยเหตุนี้ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยพิจารณาตั้งผู้ที่มีความเหมาะสมมากกว่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมสมบูรณ์ แม้ทำในโรงพยาบาล และคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกชอบด้วยกฎหมายแม้ไม่ระบุเหตุขัดข้อง
การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองซึ่งทำขึ้นโดยทางราชการแม้จะจัดทำในโรงพยาบาลก็ไม่จำต้องให้แพทย์รับรอง เพราะการจะพิจารณาว่าผู้ทำพินัยกรรมมีสติสัมปชัญญะดีหรือไม่ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้ทำพินัยกรรมย่อมมีความรู้ความสามารถพอที่จะพิจารณาได้
คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกแม้มิได้ระบุเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกไว้ แต่ได้ระบุว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียและได้แนบสำเนาสูติบัตรของผู้รับพินัยกรรมมาให้เห็นว่าเป็นผู้เยาว์ ก็ถือว่าเป็นคำร้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(1) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้จัดการมรดก: ไม่จำเป็นต้องทราบรายละเอียดทรัพย์สินทั้งหมด
ประเด็นในชั้นขอเป็นผู้จัดการมรดกมีเพียงว่าผู้ร้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ มีกรณีที่จะต้องตั้งผู้จัดการมรดกหรือไม่และเป็นบุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ส่วนปัญหาว่าเจ้ามรดกมีทายาทกี่คนมีทรัพย์มรดกเท่าไรมิใช่ข้อสำคัญในคดีแม้ผู้ร้องจะบรรยายมาในคำร้องไม่ครบถ้วน ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การที่ผู้ร้องไม่มีความรู้และไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการงานซึ่งเป็นทรัพย์มรดกนั้น เป็นเรื่องการดำเนินกิจการงานตามปกติทั่วไป ไม่เป็นเหตุต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดก
of 111