พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164-165/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแล้ว ย่อมถือเสมือนไม่เคยฟ้อง ทำให้ฟ้องคดีซ้ำได้
โจทก์เคยนำสัญญากู้มาฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีก่อน ย่อมเท่ากับว่าโจทก์ไม่เคยยื่นฟ้องคดีแพ่งดังกล่าวการที่โจทก์นำสัญญากู้ในคดีก่อนมาฟ้องคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นต่างกัน แม้ที่ดินแปลงเดียวกัน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยบรรยายฟ้องว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีก่อน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อน มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่าจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนมีว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: ประเด็นต่างกัน แม้ที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลอนุญาตฟ้องได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยบรรยายฟ้องว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีก่อน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อน มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่าจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนมีว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องบังคับจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมซ้ำ กรณีเคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อห้ามฟ้องซ้ำประเด็นภารจำยอม: มาตรา 148 ว.พ.พ.
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยและศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยจัดการจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมดังกล่าว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน คือทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่กรณีจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 มิให้โจทก์รื้อร้องฟ้องในประเด็นตามคำขอท้ายฟ้องในคดีนี้ซึ่งโจทก์อาจมีคำขอได้อยู่แล้วในคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การลงโทษทางวินัยหลังศาลยกคำร้องเลิกจ้างเนื่องจากเหตุเดียวกัน
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขออนุญาตเลิกจ้างผู้คัดค้าน กล่าวหาว่าผู้คัดค้านละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้อง โดยฟังว่าไม่เป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร คดีถึงที่สุด ดังนั้นการที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขออนุญาตลงโทษผู้คัดค้านเป็นคดีนี้อันเนื่องมาจากมูลเหตุเดียวกัน ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะร้องขออนุญาตเลิกจ้างหรือลงโทษผู้คัดค้านควบคู่ไปทั้งสองกรณีได้ในคดีก่อนอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518 มาตรา 52 จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: แม้คำฟ้องต่างกัน หากมูลเหตุเดิม ศาลสั่งห้ามฟ้องซ้ำตามมาตรา 36
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามมาครั้งหนึ่งแล้วอันเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไปร้องทุกข์ต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกห้องแถวของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ร่วมกันควบคุมตัวโจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไป โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยทั้งสามในการกระทำเดียวกันอีก แม้คำฟ้องทั้งสองคดีจะบรรยายไม่ตรงกันทุกตอน และบทมาตราที่ขอให้ลงโทษแตกต่างกันบางมาตราก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำอันเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องในคดีแรก มิใช่ถือเอาคำบรรยายฟ้องหรือข้อหาที่โจทก์ตั้งเอาแก่จำเลยเป็นเกณฑ์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2950/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การผิดสัญญาหลายงวด แม้มีสิทธิฟ้องได้ แต่หากไม่ได้ฟ้องในคดีก่อน ถือเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างงวดที่ 2 พร้อมด้วยค่าปรับแก่โจทก์ เมื่อระหว่างจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้างงวดที่ 2 จำเลยก็กระทำผิดสัญญาในงวดที่ 3 ด้วย โดยขัดขวางมิให้โจทก์ทำการก่อสร้างงานงวดที่ 3 ต่อไปให้เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยว่าผิดสัญญางวดที่ 3 ซึ่งเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีก่อน แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้อง เมื่อมาฟ้องเป็นคดีนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของบุตรตามความเป็นจริง, ฟ้องซ้ำ, และการพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ
โจทก์เป็นบุตรของผู้ตายตามความเป็นจริง แม้จะไม่ใช่ บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ย. ว่าจะแทงจำเลยแต่ไปถูกผู้ตายคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่ ย. จะ แทงจำเลย จำเลยได้จับตัวผู้ตายเหวี่ยงมาบังตัวไว้และ ผลักไปข้างหน้า เป็นเหตุให้ผู้ตายถูก ย. แทงถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของ ย.และจำเลยเป็นคนละส่วนกัน และในคดีก่อนจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องด้วย ฟ้อง โจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1526/2497)
คดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ย. ว่าจะแทงจำเลยแต่ไปถูกผู้ตายคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่ ย. จะ แทงจำเลย จำเลยได้จับตัวผู้ตายเหวี่ยงมาบังตัวไว้และ ผลักไปข้างหน้า เป็นเหตุให้ผู้ตายถูก ย. แทงถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของ ย.และจำเลยเป็นคนละส่วนกัน และในคดีก่อนจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องด้วย ฟ้อง โจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1526/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918-1919/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การฟ้องเรียกค่าเสียหายหลังศาลตัดสินเรื่องค่าชดเชยแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
หลังจากถูกจำเลยเลิกจ้าง โจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าที่จ่ายไม่ถูกต้องจากจำเลยศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเพิ่มและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายอ้างเหตุว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 31 เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมดังนี้ เป็นการฟ้องโดยอาศัยเหตุจากการเลิกจ้างของจำเลยเป็นมูล ซึ่งเหตุนี้โจทก์อาจยกขึ้นได้เมื่อฟ้องจำเลยในคดีก่อนแต่มิได้ ฟ้องรวมไปในคราวเดียวกันกลับยกขึ้นฟ้องในภายหลังจึงเป็นฟ้องซ้ำ