คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลชั้นต้น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 926 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานนอกกำหนด: การโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นถือเป็นการอุทธรณ์ได้
การที่ศาลไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย เพราะมิได้ยื่นภายในกำหนด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 นั้น เมื่อศาลสั่งแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องแถลงถึงความจำเป็นที่มิได้ยื่นภายในกำหนด และขอให้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ยื่นคำโต้แย้งคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว จำเลยจึงยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วโต้แย้งอีกไม่ได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยและไปเผชิญสืบห้องพิพาทด้วยแล้วจึงวินิจฉัยว่า จำเลยทำการค้าเป็นส่วนใหญ่ เช่นนี้ จำเลยจะอุทธรณ์หรือฎีกาว่าทำการค้าเป็นส่วนน้อยไม่ได้ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากประวิงคดี และการยุติข้อเท็จจริงจากคำวินิจฉัยศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ โดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง แล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลย เพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบ ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดี ถือว่าเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการยกเหตุเลิกสัญญาและการวินิจฉัยประเด็นอายุความในคดีซื้อขายที่ดิน
ปัญหาว่าจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 มาใช้บังคับและเลิกสัญญาเสียโดยมิพักต้องบอกกล่าวนั้นต้องยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ปัญหาว่า การที่โจทก์ไม่ยอมวางเงินมัดจำหรือไม่ยอมทำสัญญาจะซื้อขายตามที่จำเลยร้องขอจะมีอายุความบังคับให้จำเลยโอนขายนานเท่าใดก็ต้องเป็นประเด็นที่ได้พิพาทกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์ต้องชัดเจน การสั่งรับเป็นฟ้องอุทธรณ์อย่างเดียวไม่ถือเป็นการรับรองเหตุอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
การรับรองอุทธรณ์ว่า มีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้ง ฉะนั้น คำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า "ให้รับเป็นฟ้องอุทธรณ์" เฉย ๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์ต้องชัดแจ้ง การสั่งรับเป็นฟ้องอุทธรณ์ทั่วไป ไม่ถือเป็นการรับรองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
การรับรองอุทธรณ์ว่า มีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้ง ฉะนั้น คำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า "ให้รับเป็นฟ้องอุทธรณ์" เฉยๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเปิดทางให้โจทก์ฎีกาในกระทงความผิดที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาต่างจากศาลชั้นต้น แม้จะรวมฟ้องเป็นคดีเดียวกัน
การที่จะปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงๆ ไป เสมือนมิได้รวมแต่ละกระทงความผิดฟ้องมาในคดีเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กระทงหนึ่ง และผิดฐานขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติรถยนต์ฯ มาตรา 16, 33อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้ลงโทษฐานขับรถโดยประมาทซึ่งเป็นกระทงหนักแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลดโทษให้แล้วคงจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารูปคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยประมาทพิพากษาแก้ให้ปรับจำเลย 50 บาท ตามพระราชบัญญัติรถยนตร์มาตรา 16,33 นอกนั้นให้ยกเสีย ดังนี้ ในกระทงความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นพิพากษากลับกันตรงข้ามนั้น ไม่ใช่เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขตามนัยแห่งกฎหมาย จึงปรับบทให้ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหาได้ไม่ โจทก์ชอบที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงความผิดฐานนี้ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมเสียสิทธิในการฟ้องจำเลยที่ 1 หลังศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว ไม่อาจฎีกาใหม่ได้
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1 (ตัวแทน) จำเลยที่ 2 (ตัวการ) ร่วมกันและแทนกันใช้เงินค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อไปจากโจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เท่านั้นใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยส่วนฟ้งอของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสียจำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้องอีกหาได้ไม่ ต้องถือว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์คงฎีกาได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ในคดีอนาถา: ศาลต้องยกคำขอหากมีเหตุต้องห้าม มิใช่สั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้น ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจท์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก้พึงสั่งยกคำขอเสีย หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ ฎีกา ในชั้นนี้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์ในการฎีกา: คำนวณจากทุนทรัพย์ที่ฟ้องในศาลชั้นต้น แม้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาจะต่ำกว่าเกณฑ์
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ให้ถือทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องในศาลชั้นต้นเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ที่ศาลล่างตัดสินให้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 5,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
of 93