พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากป่วย และการโต้แย้งคำสั่งศาลที่จำกัดสิทธิในการดำเนินคดี
ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้ ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 201 ไม่ได้ และอาศัย มาตรา 39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามคำสั่งศาลและการรับโอนสิทธิในทรัพย์สินจากกองมรดก ผู้รับโอนต้องผูกพันตามผลของการดำเนินคดีที่ดำเนินการไปแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเอาที่จากนางป้าหญ้าระหว่างคดีนางป้าหญ้าตายลงนายมะแข่งบุตรนางป้าหญ้าได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกความนางป้าหญ้าเพื่อดำเนินคดีกับโจทก์ต่อไป.จำเลยก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอรับมรดกคดีนางป้าหญ้าด้วยโดยอ้างเหตุว่าเพราะนางป้าหญ้าได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้จำเลยศาลสั่งให้จำเลยฟ้องนายมะแข่งเพื่อแสดงว่าจำเลยมีสิทธิในกองทรัพย์สินดีกว่านายมะแข่งแต่จำเลยไม่จัดการฟ้องนายมะแข่งในเวลาที่ศาลกำหนด.ศาลจึงสั่งให้นายมะแข่งรับมรดกความนางป้าหญ้า นายมะแข่งจึงดำเนินคดีกับโจทก์ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยนายมะแข่งยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ๆ ตกลงชำระเงินให้นายมะแข่งจำนวนหนึ่งเช่นนี้ถือว่าถ้าแม้จำเลยจะมีสิทธิตามพินัยกรรมจริงจำเลยก็ต้องได้รับผลของการดำเนินคดีที่นายมะแข่งได้ทำไปเท่ากับจำเลยยอมให้นายมะแข่งดำเนินการแทนจำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้จัดการให้อำเภอโอนที่พิพาทให้จำเลยโดยถูกต้องตามสิทธิในพินัยกรรมมายันโจทก์ไม่ได้เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินให้นายมะแข่งครบก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทและฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนโฉนดที่ดินกับการพิสูจน์การชำระหนี้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในศาลชั้นต้นจำเลยต่อสู้ว่าการเวนคืนโฉนดที่จำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้นั้นเท่ากับเป็นการเวนคืนเอกสารหลักฐานแห่งการกู้ยืมประเด็นข้อนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่ให้จำเลยนำสืบ เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนี้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 226 จำเลยจะขอให้ศาลฎีการวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลตาม ม.24 มิใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา เปิดทางให้อุทธรณ์ได้ หากศาลชี้ขาดแล้วแต่ไม่เป็นไปตามที่ร้องขอ
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์จำเลยโต้แย้งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครอง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม มาตรา 24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม มาตรา 24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีใหม่เพื่อแก้ไขคำสั่งศาลเดิมในคดีบังคับคดีถือเป็นการฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแต่ความจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนแล้ว ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้จำเลยส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัด โจทก์อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดบุกรุกที่โจทก์ไม่ตรงตามคำพิพากษา ศาลสั่งว่าแผนที่ ๆ นำรังวัดนั้นถูกต้องแล้ว โจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนแต่มาฟ้องใหม่ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กรณีจึงเป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีแบ่งที่ดินซ้ำซ้อนหลังศาลสั่งงดสืบพยานในคดีก่อน โจทก์ควรใช้วิธีอุทธรณ์คำสั่งเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแต่ความจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนแล้ว ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้จำเลยส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดโจทก์อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดบุกรุกที่โจทก์ไม่ตรงตามคำพิพากษาศาลสั่งว่าแผนที่ที่นำรังวัดนั้นถูกต้องแล้วโจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนแต่มาฟ้องใหม่ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กรณีจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: คำสั่งศาลที่ชัดเจนไม่จำเป็น หากไม่มีการโต้แย้ง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจออกหมายเรียกเจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สินแล้วทำความเห็นลงสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นต่อศาล พร้อมทั้งรายงานว่ามีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ประการใดหรือไม่แล้วศาลเป็นผู้มีอำนาจสั่ง
เพียงแต่ศาลเขียนสั่งในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า "ได้พิจารณาตลอดแล้วเห็นชอบด้วย" เช่นนี้แม้จะมิได้ใช้ถ้อยคำให้ชัดเจนว่าได้สั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้ตามรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็พอถือได้ว่าเป็นคำสั่งที่สั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้ได้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเอง เพราะไม่ปรากฏว่าศาลได้มีความเห็นเป็นอย่างอื่น.
เพียงแต่ศาลเขียนสั่งในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า "ได้พิจารณาตลอดแล้วเห็นชอบด้วย" เช่นนี้แม้จะมิได้ใช้ถ้อยคำให้ชัดเจนว่าได้สั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้ตามรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็พอถือได้ว่าเป็นคำสั่งที่สั่งอนุญาตให้รับชำระหนี้ได้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเอง เพราะไม่ปรากฏว่าศาลได้มีความเห็นเป็นอย่างอื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องในชั้นอุทธรณ์: การกำหนดระยะเวลาและการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์ส่งสำเนาอีกฝ่ายเพื่อแก้ แต่มิได้กำหนดวันให้ผู้อุทธรณ์จัดการส่ง เมื่อปรากฎว่าผู้อุทธรณ์ไม่นำเจ้าหนักงานศาลส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วัน ไป 6 วัน นับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้น ยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่างคดี
ส่วนกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่บัญญัติไว้ใน ม. 174 ข้อ 1 นั้น หมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้น
ส่วนกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่บัญญัติไว้ใน ม. 174 ข้อ 1 นั้น หมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีกับจำเลยที่อยู่ระหว่างการล้มละลายและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้ว เจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาสนาหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วนศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ
โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ม. 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ม. 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วนศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ
โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม ม. 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ม. 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีกับจำเลยที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และกระบวนการอุทธรณ์คำสั่งศาล
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในคดีล้มละลายแล้วเจ้าหนี้ต้องไปขอรับชำระหนี้ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมาดำเนินคดีทางศาลหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม มาตรา 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม มาตรา 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์แต่เสียค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมให้ครบ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งโดยทำเป็นคำร้องยื่นไปยังศาลอุทธรณ์ตาม มาตรา 234 หาใช่ยื่นฟ้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม มาตรา 236 วรรคต้น โจทก์จะฎีกาหาได้ไม่
อ้างฎีกาที่ 1223/2498