พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: แม้แบ่งไม่ถูกต้องตามส่วน แต่ไม่ถือว่าละเลยหน้าที่ หากทายาทส่วนใหญ่เห็นชอบ
ผู้ร้องมิได้ละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกและได้จัดการแบ่งมรดกให้แก่ทายาทแล้ว แม้การแบ่งทรัพย์มรดกจะไม่ถูกต้องตามส่วนที่ทายาทควรจะได้ตามกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันต่างหากเพราะทายาทส่วนมากเห็นว่าผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายมากกว่าผู้คัดค้าน จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำเหน็จสงเคราะห์พนักงานถึงแก่กรรมเป็นสิทธิของทายาท ไม่ใช่ทรัพย์มรดก ผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจฟ้อง
สิทธิในเงินบำเหน็จเพื่อสงเคราะห์พนักงานไฟฟ้านครหลวงตกได้แก่ทายาทเนื่องจากการตายของพนักงาน ไม่ใช่ทรัพย์สินที่พนักงานมีอยู่ในระหว่างมีชีวิตหรือมีอยู่ขณะตาย เงินจำนวนนี้จึงไม่เป็นมรดกของผู้ตาย เมื่อตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนเงินบำเหน็จพนักงานระบุให้จ่ายเงินบำเหน็จแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของพนักงานที่ตาย จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้การไฟฟ้านครหลวงจ่ายเงินบำเหน็จดังกล่าวให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: ผู้ครองครองทรัพย์มรดกเหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดกมากกว่าบุตรนอกกฎหมายที่ไม่ครอบครอง
ผู้ร้องเป็นภริยาที่มิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้ตาย แต่เป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดก ส่วนผู้คัดค้านเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ผู้ตายได้รับรองแล้วแต่มิได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับผู้ร้อง ถ้าให้ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันแล้วมีปัญหาขัดแย้งก็จะไม่อาจถือเอาเสียงข้างมากในการทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกได้ ดังนั้น การให้ผู้ร้องซึ่งครอบครองทรัพย์มรดกเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงฝ่ายเดียวจึงเหมาะสมกว่า.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินมรดกโดยผู้จัดการมรดกที่มีเจตนาค้าขาย ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้า
ที่ดินที่โจทก์ขายไป เดิม สามีโจทก์กับ ป. ร่วมกันซื้อมาเพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลทั่วไป เมื่อสามีโจทก์ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของสามีได้เลิกการเป็นหุ้นส่วนกับ ป. โดยตกลงแบ่งที่ดินเป็นของ ป. 66 แปลง เป็นของโจทก์ 53 แปลง เมื่อโจทก์จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินทั้ง 53 แปลงมาแล้ว โจทก์ได้ดำเนินการขายที่ดินนั้นต่อไปตามเจตนาเดิม ของเจ้ามรดก โดยโจทก์ได้จดทะเบียนการค้าประเภทค้าอสังหาริมทรัพย์ไว้ด้วย ดังนี้ การค้าที่ดินของโจทก์เป็นการขายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรมิใช่เป็นการขายทรัพย์สินอันเป็นมรดกตามความหมายของ ป. รัษฎากรมาตรา 42(9) ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น จึงต้องนำเงินได้จากการขายที่ดินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการขายที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นผู้ประกอบการค้าตามประเภทการค้า 11 ซึ่งต้องเสียภาษีการค้าอีกด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดก: ผู้จัดการมรดกมีอำนาจดำเนินการได้แต่เพียงผู้เดียว เจ้าของรวมไม่มีอำนาจฟ้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 ที่บัญญัติว่า "เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ อาจใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก ฯลฯ" หมายความว่าเมื่อมีบุคคลภายนอกมายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของรวมคนใดคนหนึ่งอาจฟ้องร้องว่ากล่าวหรือต่อสู้คดีโดยลำพังผู้เดียวได้
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ตามคำสั่งศาล จึงย่อมมีอำนาจจัดการมรดกของ จ.ตามกฎหมาย การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทส่วนของ จ. อันเป็นทรัพย์มรดกของ จ. มาเป็นของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกนั้น จำเลยที่ 1 ย่อมกระทำได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจำเลยที่ 1 จะเป็นทายาทโดยธรรมของ จ.หรือไม่ ทั้งกรณีไม่มีประเด็นเรื่องโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยปรปักษ์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนการที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของ จ. ทำให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทายาทโดยธรรมจะฟ้องร้องว่ากล่าวกันเอง โจทก์จะอาศัยสิทธิในฐานะเจ้าของรวมในที่พิพาทมาฟ้องร้องมิได้
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ตามคำสั่งศาล จึงย่อมมีอำนาจจัดการมรดกของ จ.ตามกฎหมาย การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทส่วนของ จ. อันเป็นทรัพย์มรดกของ จ. มาเป็นของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกนั้น จำเลยที่ 1 ย่อมกระทำได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจำเลยที่ 1 จะเป็นทายาทโดยธรรมของ จ.หรือไม่ ทั้งกรณีไม่มีประเด็นเรื่องโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยปรปักษ์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนการที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทส่วนที่เป็นมรดกของ จ. ทำให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ทายาทโดยธรรมจะฟ้องร้องว่ากล่าวกันเอง โจทก์จะอาศัยสิทธิในฐานะเจ้าของรวมในที่พิพาทมาฟ้องร้องมิได้
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีเจ้าของรวมและผู้จัดการมรดก การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกต้องอาศัยสิทธิของทายาท
ที่พิพาทเดิมเป็นของ จ. และท.เมื่อท.ถึงแก่กรรมโจทก์จดทะเบียนรับโอนเฉพาะส่วนของ ท. มาเป็นของโจทก์ ต่อมา จ. ถึงแก่กรรม ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก จำเลยที่ 1 จดทะเบียนรับโอนที่พิพาทเฉพาะส่วนของจ.แล้วจดทะเบียนโอนให้จำเลยที่ 2 และ 3 การจดทะเบียนโอน กรรมสิทธิ์ที่พิพาทส่วนของ จ. อันเป็นทรัพย์มรดกของ จ.มาเป็นของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกย่อมกระทำได้ตามกฎหมายไม่ว่า จำเลยที่ 1 จะเป็นทายาทโดยธรรมของ จ.หรือไม่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนการจดทะเบียนโอนต่อไปให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องที่ทายาทโดยธรรมของ จ. จะฟ้องร้องกันเองโจทก์มิได้เป็นทายาทโดยธรรมของ จ.จะมาฟ้องโดยอาศัยสิทธิในฐานะที่เป็นเจ้าของรวมในที่พิพาทย่อมไม่ได้ โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานหลักฐานแล้วพิพากษาใหม่ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ดังนี้ เสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิใช่เสียค่า ขึ้นศาลชั้นฎีกาตามทุนทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกในฐานะทายาท ย่อมไม่ทำให้เกิดอายุความตัดสิทธิทายาทอื่น
โจทก์จำเลยเป็นทั้งทายาทและผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลการที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกจึงเป็นเรื่องผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ที่เป็นทายาทด้วย จำเลยจะอ้างอายุความมรดกมาตัดฟ้องมิให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งจำเลยครอบครองอยู่หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกย่อมถือเป็นการครอบครองแทนทายาท ทำให้อายุความไม่เริ่มนับ
โจทก์จำเลยเป็นทั้งทายาทและผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลการที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกจึงเป็นเรื่องผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ที่เป็นทายาทด้วยจำเลยจะอ้างอายุความมรดกมาตัดฟ้องมิให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งจำเลยครอบครองอยู่หาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4528/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอตั้งผู้จัดการมรดกเมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการโอนทะเบียนทรัพย์มรดก
ผู้ตายมีทรัพย์มรดกรถจักรยานยนต์ 1 คันและไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้การที่เจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนยานพาหนะปฏิเสธไม่ยอมโอนทะเบียนรถจักรยานยนต์ดังกล่าวให้แก่ ม.ซึ่งเป็นภริยาและทายาทของผู้ตายโดยอ้างว่า ม.มิได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้น ถือได้ว่า การจัดการหรือการแบ่งปันมรดกของผู้ตายมีเหตุขัดข้องชอบที่ ม.จะยื่นคำร้องขอหรือให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้ตั้ง ม.เป็นผู้จัดการมรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4528/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอตั้งผู้จัดการมรดกเมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการโอนทะเบียนทรัพย์มรดก
ผู้ตายมีทรัพย์มรดกรถจักรยานยนต์ 1 คันและไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้การที่เจ้าหน้าที่แผนกทะเบียนยานพาหนะปฏิเสธไม่ยอมโอนทะเบียน รถจักรยานยนต์ดังกล่าวให้แก่ ม.ซึ่งเป็นภริยาและทายาทของผู้ตาย โดยอ้างว่า ม.มิได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นถือได้ว่า การจัดการ หรือการแบ่งปันมรดกของผู้ตายมีเหตุขัดข้องชอบที่ ม.จะยื่นคำร้องขอ หรือให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้ตั้ง ม.เป็นผู้จัดการมรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713(2)