คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเบิกความเท็จ: การบรรยายฟ้องผู้เสียหายและข้อผิดพลาดในการอ้างมาตรากฎหมาย
คำบรรยายฟ้องความผิดฐานเบิกความเท็จที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 แต่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างมาตรา ผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีแพ่งของผู้แทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า การพิสูจน์ผู้เสียหายที่แท้จริง และอายุความ
โจทก์เป็นเพียงผู้แทนให้จำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า บี.เอ็ม.ดับบลิว ของบริษัท ม. โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะใช้สิทธิฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญา ดังนั้นโจทก์จะอาศัยสิทธิตามกำหนดอายุความตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (คืออายุความ 10 ปี) มาเป็นกำหนดาอายุความไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีแพ่งจากความผิดอาญา: ผู้แทนจำหน่ายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
โจทก์เป็นเพียงผู้แทนให้จำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า บี.เอ็ม.ดับบลิว ของบริษัท ม. โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะใช้สิทธิฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญาดังนั้นโจทก์จะอาศัยสิทธิตามกำหนดอายุความตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (คืออายุความ 10 ปี) มาเป็นกำหนดอายุความไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์สลากกินแบ่งที่ถูกรางวัล: ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลคืนจากจำเลย
สลากกินแบ่งของผู้เสียหายที่จำเลยลักไป เป็นสลากกินแบ่งที่ถูกรางวัลแล้วจึงเป็นทรัพย์สินที่มีราคาเท่ากับเงินรางวัลที่จะได้รับ ซึ่งเป็นราคาทรัพย์ที่จำเลยลักไปโดยแท้จริง เมื่อจำเลยนำไปรับเงิน ผู้เสียหายย่อมหมดโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัล เท่ากับว่าต้องสูญเสียเงินจำนวนนั้นไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยโดยตรง พนักงานอัยการจึงมีสิทธิขอให้จำเลยคืนเงินรางวัลแก่ผู้เสียหายได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2520

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในความผิดเช็ค: ผู้ทรงเช็ค ณ วันปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นผู้เสียหาย แต่เพียงผู้เดียว
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมสลักหลังส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้ ซ. ซ. นำเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่ธนาคาร ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ธนาคารปฏิเสธนั้นเป็นวันเกิดเหตุ เพราะความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะนั้น ซ.เป็นผู้ทรงเช็ค ซ.จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้ ซ.ไปแล้ว ก็ไม่ก่อให้โจทก์ร่วมเกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ การสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบ เท่ากับไม่มีการสอบสวนตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2520

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายในคดีเช็ค: สิทธิร้องทุกข์เป็นของผู้ทรงเช็ค ณ วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมสลักหลังส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้ ซ. ซ. นำเช็คไปยื่นเข้าบัญชีที่ธนาคาร ธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงินวันที่ธนาคารปฏิเสธนั้นเป็นวันเกิดเหตุเพราะความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อขณะนั้น ซ. เป็นผู้ทรงเช็ค ซ. จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะได้ชำระเงินตามเช็คให้ ซ. ไปแล้วก็ไม่ก่อให้โจทก์ร่วมเกิดสิทธิเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ การสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวนซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบเท่ากับไม่มีการสอบสวนตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าเป็นโจทก์ร่วม(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเอกสารพยานในคดีอาญา: ผู้ถูกเรียกไม่มีเอกสาร และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลมีคำสั่งให้บุคคลส่งเอกสารมาเป็นพยานในคดีอาญาผู้นั้นแจ้งต่อศาลว่าไม่มีเอกสารนั้นในครอบครอง โจทก์ในคดีอาญาเรื่องนั้นไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้ถูกเรียกเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 170,137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สลักหลังเช็คที่ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจากเช็ค ไม่เป็นผู้เสียหายตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์สลักหลังเช็คโอนไปแล้ว เช็คนั้นธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินในขณะนั้นโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง แม้โจทก์ต้องรับผิดต่อผู้ทรง โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนเงินของกลางแก่ผู้เสียหายที่ถูกเรียกรับเงินโดยมิชอบ แม้จะมอบเงินให้ตามแผนตำรวจเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้เรียกเงินจากโจทก์ร่วมสำหรับตนเองโดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือมิให้ห้างที่โจทก์ร่วมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น การที่โจทก์ร่วมนำเงินของกลางไปให้จำเลยตามแผนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้จับกุมจำเลยนั้น จึงเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อผูกมัดตัวจำเลยผู้กระทำผิด โจทก์ร่วมหาได้สมัครใจให้เงินจำเลยไม่ จะถือว่าเป็นการร่วมมือ ส่งเสริมสนับสนุนหรือจูงใจให้จำเลยกระทำผิดไม่ได้ โจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้คืนเงินของกลางแก่โจทก์ร่วมได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ ปืนของผู้เสียหาย การต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1
ผู้เสียหายเป็นนายตรวจสรรพสามิต จับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีสุราผิดกฎหมาย ขณะพาไปจวนถึงหน้าร้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ล้วงปืนพกของผู้เสียหายด้วยเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุม มิได้มีเจตนาลัก แล้ววิ่งหนีไปส่งปืนให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดา เป็นเวลากระทันหันในทันทีทันใดไม่มีพฤติการณ์ให้รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับแล้วหนีมา ผู้เสียหายไม่แต่งเครื่องแบบ ทั้งไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าปืนนั้นเป็นของตน การที่ผู้เสียหายเข้าแย่งปืนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้นั้นน่าจะเพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายเท่านั้น การที่จำเลยเอาปืนไว้ภายหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ ไม่พอถือว่ามีเจตนาทุจริตลักเอาปืนนั้นไว้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะต่อสู้คดีว่ามิได้เอาปืนไว้และผู้เสียหายยังไม่ได้ปืนคืน ก็ไม่พอบ่งว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาปืนแก่ผู้เสียหายได้
of 125