คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์ การแทงเพียงครั้งเดียวไม่ถึงเจตนาฆ่า
ถามซื้อสุราเขาบอกว่าไม่มีก็ใช้มีดแทงเขาเพียง 1 ทีแล้ววิ่งหนีไม่ได้ซ้ำเติมอีก แม้บาดแผลที่แทงถูกที่ราวนมขวา ถ้ารักษาไม่ดีอาจตายได้แต่ก็ปรากฏว่าแผลกว้างเพียง 1.5 เซ็นติเมตรยาว2.9เซ็นติเมตรลึก6เซ็นติเมตร ตัวมีดที่แทงยาวถึง 26 เซ็นติเมตรเศษถ้าแทงเต็มแรงอาจเข้าลึกกว่านี้ ดังนี้ รูปคดีไม่แสดงว่าจำเลยตั้งใจฆ่า คงมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบร่วมกันปล้นทรัพย์: พฤติการณ์บ่งชี้การมีส่วนร่วมแม้ไม่ได้ลงมือโดยตรง
เมื่อจำเลยกับพวกได้ปล้นทรัพย์ของ ก. รายหนึ่งแล้วจำเลยได้ร่วมทางไปกับพวกโจรที่ไปปล้นมาด้วยกันแล้วไปพบ ค. เดินสวนทางมาพวกโจรในกลุ่มที่ไปด้วยกันกับจำเลยได้พูดว่าเร็วอ้ายเสือและบังคับให้ ค.หยุด แล้วพวกโจรนั้นเองได้เข้าแย่งเอาปืนและทรัพย์อื่นของ ค. ไปต่อหน้าจำเลยซึ่งยืนอยู่ห่างเพียง 2 วา เมื่อได้ทรัพย์ของ ค. แล้ว ก็พาหนีไปพร้อมกับจำเลย พฤติการณ์ต่างๆ แสดงว่า จำเลยได้สมคบในการปล้นทรัพย์ของ ค. อีกกระทงหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากสมคบกันฆ่า เป็นฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย จากพฤติการณ์ปัจจุบันใจ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนา ทางพิจารณาปรากฎว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าเจ้าพนักงาน: การพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลประกอบ
ตำรวจกำลังกอดปล้ำจับผู้กระทำผิดอยู่ จำเลยมาถึงก็ใช้ปืนยิงไป 1 นัดถูกตำรวจถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย และจำเลยกับผู้ตายก็เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกัน จำเลยคงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าเจ้าพนักงาน: พิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลประกอบ
ตำรวจกำลังกอดปล้ำจับผู้กระทำผิดอยู่ จำเลยมาถึงก็ใช้ปืนยิงไป 1 นัดถูกตำรวจถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย และจำเลยกับผู้ตายก็เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกันจำเลยคงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสันนิษฐานความผิดฐานลักทรัพย์: พฤติการณ์ที่ไม่เชื่อมโยงกับเวลาและสถานที่
ไม่ปรากฎว่ากระบือของเจ้าทรัพย์หายไปแต่เวลาใด แต่ไปพบจำเลยอยู่กับกระบือเป็นเวลากลางคืนแล้ว ถ้ากระบือหายไปในตอนเช้า ก็เป็นระยะเวลาห่างจากที่พบจำเลยกับกระบือมาก ทั้งระยะทางจากที่กระบือหาย จนถึงที่พบจำเลยกับกระบือห่างกันถึง 150 เส้น จึงยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ลักกระบือไปจากทำเลเลี้ยง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้อ้างมาตรา 63 ก็สามารถฟ้องฐานสมคบได้หากมีพฤติการณ์บ่งชี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีศาสตราวุธครบมือทุกคนกลุ้มรุมกันใช้ไม้ตีและหอกแทงผู้ตาย ถึงแก่ความตาย เข้าใจได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมมือกันทำร้ายผู้ตาย โจทก์ไม่จำต้องอ้าง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ ต้องพิจารณาพฤติการณ์ครบถ้วนตามกระบวนการ
คดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วหาส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรืออำเภอไม่ เพียงเท่านี้ ศาลจะด่วนยกข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 270 เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสร์ความตามกระบวนพิจารณาหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่มีข้อตกลงให้เช่าที่ดิน ถือเป็นสัญญาเช่าได้หากมีเจตนาและพฤติการณ์สนับสนุน
ในสัญญาขายฝากข้อ 4 มีว่าผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากเช่าทรัพย์ที่ขายฝากและระบุค่าเช่าไว้ด้วยและภายหลังก็มีการเช่าต่อกันดังนี้ถือว่า ข้อความเช่นนั้นเป็นสัญญาเช่า มิใช่เป็นเพียงคำเสนอ.
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า.
(อ้างฎีกาที่ 143/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากที่มีข้อความให้เช่าที่ดินได้ ถือเป็นสัญญาเช่าได้ หากมีเจตนาและพฤติการณ์สนับสนุน แม้ข้อความในสัญญาจะดูเป็นเพียงคำเสนอ
ในสัญญาขายฝากข้อ 4 มีว่าผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากเช่าทรัพย์ที่ขายฝากและระบุค่าเช่าไว้ด้วยและภายหลังก็มีการเช่าต่อกันดังนี้ ถือว่าข้อความเช่นนั้นเป็นสัญญาเช่า มิใช่เป็นเพียงคำเสนอ
ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกให้แก่ผู้ให้เช่า และต้องคิดราคาในขณะที่ผู้ให้เช่าฟ้องผู้เช่า (อ้างฎีกาที่ 143/2491)
of 79