คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานกู้ยืมสูญหาย โจทก์พิสูจน์ได้จากการที่จำเลยยืมหลักฐานไปและไม่คืน ถือใช้แทนหลักฐานได้
จำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานการยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้คืนเงินยืมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงต่อศาล แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยได้ยืมหลักฐานดังกล่าวไปแล้วไม่ส่งคืน ดังนี้ ย่อมรับฟังแทนหนังสือกู้ยืมดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์ โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้าไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่เพราะไม่มีประเด็นในเรื่องนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมสูญหาย โจทก์พิสูจน์ได้จากการที่จำเลยยืมเอกสารไปและไม่คืน ถือใช้แทนหลักฐานได้
จำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานการยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้คืนเงินยืมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงต่อศาล แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยได้ยืมหลักฐานดังกล่าวไปแล้วไม่ส่งคืน ดังนี้ย่อมรับฟังแทนหนังสือกู้ยืมดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้า ไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่ เพราะคดีไม่มีประเด็นในเรื่องนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ในความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ความรู้ในการรับทรัพย์
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ในคดีรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ความรู้ของจำเลย
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอก: ต้องพิสูจน์การกระทำในฐานะผู้มีอาชีพที่ไว้วางใจได้
การกระทำผิดฐานยักยอกตามมาตรา 354 จะต้องได้ความว่าผู้กระทำผิดได้กระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนด้วยมิใช่เป็นเรื่องระหว่างกันเองโดยเฉพาะ
การที่โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยมีอาชีพรับจ้างแก้เครื่องยนต์ แม้จะบรรยายต่อไปว่า "เป็นอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน" ด้วยก็ตามก็เป็นเพียงประโยคประกอบซึ่งโจทก์ขยายความออกไปตามความเห็นของโจทก์เองเท่านั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดว่าจำเลยกระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนอย่างไรหรือเพราะเหตุใดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 354

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่พิสูจน์ความเป็นไม้แปรรูปและการฟังข้อเท็จจริงจากพยาน
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2474 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้ครอบครองมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม้ในความครอบครองนั้นไม่เป็นไม้แปรรูปก็ตาม แต่ในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ว่า ไม้นั้นไม่เป็นไม้แปรรูปแล้ว ไม้ของกลางที่มีไว้ก็ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่จำต้องนำสืบพิสูจน์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับเรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ: การพิจารณาอันตรายสาหัสและข้อกำหนดการพิสูจน์ความเสียหาย
ประมาททำให้เขาแขนหักรักษาประมาณ 30 วันหายนั้น ยังไม่ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสกระดูกปลายแขนซ้ายหักและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน แต่มิได้นำสืบให้ปรากฎว่าผู้เสียหายต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันอย่างไร ก็ลงโทษจำเลยฐานทำให้รับอันตรายสาหัสไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การทำร้ายร่างกายเล็กน้อย, การหมิ่นประมาทด้วยคำพูด, และการพิสูจน์เหตุการณ์ในอดีต
ภรรยาเอาเล็บข่วนหน้าสามีเป็นรอยถูกข่วนเพียงเล็กน้อยเลือดออกซิบๆ เท่านั้น จะถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บจนเป็นเหตุหย่าตามนัยมาตรา 1500(2) ยังไม่ได้
สามีภรรยาเป็นชาวออสเตรเลีย สามีเป็นผู้จัดการบริษัท ภรรยาตามไปทวงกุญแจรถจากสามีในที่ทำงานของสามี สามีไม่ให้ภรรยาได้พูดกับผู้ช่วยจัดการ(ชาวออสเตรเลีย)ต่อหน้าสามีเป็นภาษาอังกฤษแปลได้ความว่า 'คุณช่วยพูดกับอ้ายหมูนี่ให้รู้เรื่องทีเถิด' คำว่าอ้ายหมู นี้หมายถึงโจทก์เป็นคำด่าและคำสบประมาทแม้จำเลยจะได้ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายนี้ด่าโจทก์ แต่ก็เพราะโกรธโจทก์ที่ไม่ยอมมอบกุญแจรถให้พฤติการณ์เช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ก็ยังไม่ใช่เป็นการหมิ่นประมาทซึ่งเป็นการร้ายแรงอันจะเป็นเหตุหย่าได้ตามมาตรา 1500(2)
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยต่อโจทก์หลายประการแต่มิได้กล่าวอ้างเลยว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง และไม่ได้กล่าวเลยว่าการกระทำอย่างไรบ้างที่โจทก์ถือว่าเป็นการกระทำในลักษณะนั้นทั้งยังสรุปไว้ท้ายฟ้องโดยกล่าวแต่เหตุหย่าประการอื่นด้วยดังนี้ ศาลย่อมไม่ยกเหตุหย่าเรื่องทำการเป็นปฏิปักษ์ฯการเป็นสามีภรรยาฯขึ้นวินิจฉัย (ไม่ว่าการกระทำตามที่บรรยายไว้นั้นจะพอให้ถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ฯหรือไม่ก็ตาม)
โจทก์นำสืบว่า จำเลยเคยทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงบาดเจ็บมาครั้งหนึ่งแล้วต่อมาภายหลังยังข่วนหน้าโจทก์อีกการทำร้ายครั้งแรกนั้นล่วงเลยกำหนด 3 เดือนซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำมาฟ้องอ้างเป็นเหตุหย่าในคดีนี้ได้ และเมื่อการข่วนหน้าในครั้งหลังนี้ก็ไม่เข้าลักษณะเป็นการทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บอันจะเป็นเหตุหย่าได้แล้วแม้ศาลจะยกเอาการทำร้ายร่างกายในครั้งก่อนมาสนับสนุนตามมาตรา1509 วรรค2 ก็หาเป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยการมอบอำนาจให้ผู้เยาว์ และการพิสูจน์การยกที่ดินให้ผู้อื่น
ยายยกที่ดินให้หลาน โดยทำใบมอบอำนาจให้หลานไปทำนิติกรรมแทน แม้หลานนั้นจะยังไม่บรรลุนิติภาวะก็เป็นผู้รับมอบอำนาจได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์สินค้าผิดกฎหมาย: โจทก์ต้องพิสูจน์แหล่งที่มาก่อนจำเลย
เมื่อคดียังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่าสินค้าของกลางเป็นของที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอันจะต้องเสียภาษีศุลกากรหรือว่าเป็นของที่ผลิตขึ้นในประเทศ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความก่อน ถ้าได้ความว่าเป็นของที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอันจะต้องเสียภาษีแล้ว จึงจะเป็นหน้าที่ของจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 100 ที่จะต้องพิสูจน์ต่อไปว่าได้นำเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
of 128