พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างผิดสัญญาจ้างจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ/คำสั่งของนายจ้าง อายุความตาม ปพพ. มาตรา 193/30
การที่จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งของโจทก์ไม่ว่าจะเป็นระเบียบที่มีอยู่เดิมหรือที่ออกในภายหลัง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งของโจทก์ จำเลยจึงผิดสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลย
คำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์ได้มีคำสั่งปลดจำเลยออกจากธนาคารโจทก์แล้วฐานปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และขาดความไว้วางใจนั้น เป็นการฟ้องในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30
คำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์ได้มีคำสั่งปลดจำเลยออกจากธนาคารโจทก์แล้วฐานปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และขาดความไว้วางใจนั้น เป็นการฟ้องในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของลูกจ้างต่อการไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งนายจ้าง รวมถึงอายุความฟ้องในกรณีผิดสัญญาจ้าง
การที่จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานซึ่งถือว่าเป็นคำสั่งของโจทก์ไม่ว่าจะเป็นระเบียบที่มีอยู่เดิมหรือที่ออกในภายหลัง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งของโจทก์ จำเลยจึงผิดสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลย คำฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และโจทก์ได้มีคำสั่งปลดจำเลยออกจากธนาคารโจทก์แล้วฐานปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย และขาดความไว้วางใจนั้นเป็นการฟ้องในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของลูกจ้างต่อการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของนายจ้าง และอายุความของคดีแรงงาน
คำสั่งหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิดสัญญาจ้าง โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างให้รับผิด เนื่องจากจงใจฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการที่โจทก์ฟ้องจำเลยในมูลผิดสัญญาจ้างแรงงานมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 อุทธรณ์ว่าจำเลยปฏิบัติตามระเบียบของโจทก์โดยเคร่งครัดแล้วการกระทำของจำเลยไม่เป็นประมาทเลินเล่อก็ดี เหตุที่เกิดขึ้นตามฟ้องเป็นเหตุสุดวิสัยก็ดีให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ย้อนหลัง5 ปี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยตรงก็ดี เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 54 ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยรับผิดในฐานะลูกจ้างมิใช่ตัวแทนจำเลยที่ 3 อุทธรณ์ว่า นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 มิใช่ตัวการตัวแทน แต่เป็นนายจ้างกับลูกจ้างนั้น เป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของลูกจ้างและผู้ว่าจ้าง รวมถึงความรับผิดตามสัญญาประกันภัยรถยนต์
หลังเกิดเหตุแล้วโจทก์ จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 หุ้นส่วนผู้จัดการและพนักงานประกันภัยของจำเลยที่ 4 ได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายกัน ทั้งได้ความว่ารถยนต์บรรทุกเป็นของจำเลยที่ 2เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 4 ประกอบกับจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2โดยจำเลยที่ 3 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 ต้องรับผิด จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยรถยนต์จากจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย รถยนต์โจทก์ถูกชนท้ายและไถลไปชนรถยนต์บรรทุกที่จอดอยู่ข้างหน้า ได้รับความเสียหายทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีสภาพพังยับเยินต้องซ่อมแซม ศาลกำหนดค่าซ่อมแซมให้ 106,705 บาทค่าขาดประโยชน์ 36 วัน วันละ 300 บาท เป็นเงิน 10,800 บาท น้อยกว่าที่โจทก์ขอ และการที่รถยนต์โจทก์ถูกชนเสียหายยับเยินย่อมเสื่อมราคาลง แม้จะทำการซ่อมแซมอย่างดีแล้วก็ตาม ศาลกำหนดค่าเสื่อมราคาเป็นเงิน 5,000 บาท เป็นการเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางวินัยฐานจงใจทำให้ผู้ร้องเสียหายจากการยุยงให้ผละงาน
ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของผู้ร้องกำหนดไว้ว่าหากพนักงานผู้ใดจงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ถือว่าผิดวินัยขั้นร้ายแรง เช่นนี้ การที่ผู้คัดค้านจงใจทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย โดยการชักชวนหรือยุยงให้พนักงานของผู้ร้องผละงานหรือละทิ้งการงานในการปฏิบัติหน้าที่ ย่อมเป็นการกระทำผิดวินัยขั้นร้ายแรงมีเหตุอันสมควรที่ศาลสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องลงโทษผู้คัดค้านได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง กรณีรื้อถอนอาคารและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
ตามสัญญาซื้อขายอาคารเพื่อรื้อถอนไป จำเลยที่ 1ยินยอมรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่เทศบาลเมืองสระบุรีผู้ขายและบุคคลภายนอกอันเนื่องจากการรื้อถอนอาคารและเก็บขนวัสดุที่รื้อถอนของจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อทั้งสิ้นและเมื่อรื้อถอนตึกแถวแล้ว ตึกพังลงทับสายโทรศัพท์โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสระบุรีไว้เป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ได้จ้างจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน ให้ช่วยกันรื้อถอนตึกแถวตลาดเทศบาลเมืองสระบุรี การทำงานของจำเลยที่ 2 อยู่ในความควบคุมและสั่งการของจำเลยที่ 1 อย่างใกล้ชิด แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำการรื้อตึกแถวด้วยตนเองเพียงแต่ จ้างแรงงานของจำเลยที่ 2 กับพวก เพราะหากจำเลยที่ 1 ไม่มีความประสงค์จะรื้อถอนด้วยตนเอง ก็ไม่มีเหตุที่จะยอม ทำสัญญายอมรับผิดชอบเรื่องความเสียหายไว้ล่วงหน้า อีกทั้งโจทก์เคยเจรจาเรื่องค่าเสียหายกับจำเลยที่ 1 แต่ตกลงกันไม่ได้ โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยที่ 1 ได้อ้างเหตุผลที่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และกระทำการ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตหน้าที่ลูกจ้าง: การใช้วิธีการใดในการทำงานเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งนายจ้าง
การที่ ส. ลูกจ้างโจทก์ไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำ เพื่อสูบน้ำขึ้นมาทำความสะอาดที่พัก และขณะเดียวกันพระภิกษุได้ขอให้ ส. สูบน้ำไปไว้บนกุฎิพระด้วย ส. ได้ถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ระหว่างระหว่างกำลังใช้มอเตอร์ สูบน้ำขึ้นจากสระน้ำ นั้น พึงเห็นได้ว่า ส.จะต้องทำความสะอาดที่พักตามคำสั่งของผู้ควบคุมงานของโจทก์ ส.จำเป็นต้องใช้น้ำเอามาทำความสะอาดที่พักดังกล่าว การที่จะนำเอาน้ำในสระขึ้นมาใช้เป็นหน้าที่ของ ส.ฉะนั้นส. จะใช้วิธีการอย่างใดเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของ ส. เพื่อให้ได้น้ำขึ้นมาใช้ เมื่อส. เลือกวิธีไปยืมมอเตอร์ สูบน้ำจากพระภิกษุมาใช้สูบ น้ำ เพื่อทำความสะอาดที่พัก ถือได้ว่าเป็นการกระทำตามคำสั่งของ ผู้ควบคุมงานของโจทก์และถือว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้กับโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการเสียชีวิตของลูกจ้างจากการใช้วิธีการที่อยู่ในดุลพินิจเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
ผู้ควบคุมงานของนายจ้างสั่งให้ลูกจ้างทำความสะอาดที่พักแรมชั่วคราวที่ศาลาการเปรียญวัดซึ่งใช้ในระหว่างออกปฏิบัติงานก่อสร้างขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้า การทำความสะอาดที่พักจำเป็นต้องใช้น้ำด้วย การที่จะนำเอาน้ำในสระขึ้นมาใช้เป็นหน้าที่ของลูกจ้าง ฉะนั้นลูกจ้างจะใช้วิธีการอย่างใดเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของลูกจ้างเพื่อให้ได้น้ำขึ้นมาใช้ เมื่อลูกจ้างเลือกวิธีโดยไปยืมมอเตอร์สูบน้ำจากพระภิกษุมาใช้สูบน้ำเพื่อทำความสะอาดที่พักถือได้ว่าเป็นการกระทำตามคำสั่งของผู้ควบคุมงานของนายจ้างและถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่นายจ้าง เมื่อลูกจ้างถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายขณะที่อยู่ระหว่างกำลังใช้มอเตอร์ที่ยืมมาดังกล่าวสูบน้ำขึ้นจากสระเพื่อจะทำความสะอาดที่พักแรม นายจ้างจึงต้องจ่ายเงินทดแทนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4116/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งานต่อเนื่องในสายงานหลักของนายจ้าง แม้มีสัญญาจ้างสิ้นสุด ก็ต้องจ่ายค่าชดเชย
งานหลักของนายจ้างคืองานผลิตต้นคริสต์มาสประดิษฐ์ นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในฝ่ายผลิตต้นคริสต์มาสในสายงานหลักของนายจ้างและลักษณะงานที่ลูกจ้างทำไม่แตกต่างไปจากงานของลูกจ้างที่จ้างไว้ทำตลอดปี กระบวนการผลิตของนายจ้างมีต่อเนื่องกันไปตลอดปีไม่มีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจรเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นงานตามโครงการ แต่เป็นงานที่มีลักษณะต่อเนื่องกันไปโดยตลอด ดังนั้นแม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างหยุดงานเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้าง ก็ไม่เป็นเหตุให้ลูกจ้างหมดสิทธิได้รับค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบต่อความเสียหายของรถราชการ: ผู้รับรถไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายเกิดจากลูกจ้างที่ลักรถไปโดยพลการ
ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยรถราชการทหาร พ.ศ. 2525 ข้อ 171ข้อ 19.2.3 ข้อ 21.3 สรุปความว่า การเก็บรักษารถประจำตำแหน่งให้อยู่ในความควบคุมและความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับรถประจำตำแหน่งตามระเบียบดังกล่าวมุ่งประสงค์ให้ผู้รับรถประจำตำแหน่งรับผิดเฉพาะการกระทำของตนเองหรือตามคำสั่งของตนเองเท่านั้น จำเลยรับรถประจำตำแหน่งจากกองทัพเรือโจทก์มาใช้แต่จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์และไม่มีกฎหมายให้รับผิดร่วมกับผู้อื่นเป็นพิเศษ การที่พลขับรถประจำตำแหน่งลักรถประจำตำแหน่งขับไปและเกิดอุบัติเหตุทำให้รถเสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับพลขับรถประจำตำแหน่ง