พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้ที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องแทนลูกหนี้
เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมปลดหนี้ให้บุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นแม่ลูกกันโดยที่ต่างก็รู้อยู่ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบเจ้าหนี้ก็ชอบที่จะร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมปลดหนี้นั้นเสียได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่ 3อันเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียประโยชน์เจ้าหนี้ย่อมร้องแทนลูกหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ลูกหนี้และการขัดทรัพย์จากผู้รับขายฝาก: จำเป็นต้องฟ้องเพิกถอนนิติกรรมก่อนหรือไม่
โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้อง ๆ ขัดทรัพย์ว่าจำเลยได้ขายฝากไว้กับตนโดยชอบด้วยก.ม.โจทก์เถียงว่าการขายฝากระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไม่ชอบด้วย ก.ม. + ฯลฯ สัญญาอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่านิติกรรมการขายฝากนั้นทำขึ้นโดยสมยอมไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียเปรียบหรือไม่ โดยโจทก์ไม่ต้องไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมก่อนตาม ม.237 แห่ง ป.พ.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ลูกหนี้และการโต้แย้งว่าการขายฝากไม่สุจริต ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องฟ้องเพิกถอน
โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยได้ขายฝากไว้กับตนโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์เถียงว่าการขายฝากระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่สุจริตและทำให้โจทก์เสียเปรียบฯลฯสัญญาขายฝากใช้ไม่ได้ ดังนี้ศาลมีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่านิติกรรมการขายฝากนั้นทำขึ้นโดยสมยอมไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียเปรียบหรือไม่โดยโจทก์ไม่ต้องไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมก่อนตาม มาตรา 237 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอม และการยกเหตุถูกหลอกลวงในชั้นฎีกา
เดิมโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระให้โจทก์ภายใน 6 เดือน ศาลจึงพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยผิดสัญญาตามยอม โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยได้ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กล่าวว่าจะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใดๆ ของจำเลยได้
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นต้องไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้ จึงจะขอเฉลี่ยทรัพย์ได้
ในกรณีที่ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ตาม มาตรา 290 วรรค 1,2นี้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินไม่ได้ก็แต่ในกรณีที่ยังมีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่และเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นนั้นยังอาจเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่นๆ นั้น
คำว่า " สามารถชำระได้จากทรพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ " นั้นหมายความว่าเอาชำระได้โดยสิ้นเชิง การได้ชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนหาใช่เป็นการสามารถเอาชำระหนี้ได้ตาม มาตรา 290 วรรคสองไม่
มาตรา 290 วรรคสองบัญญัติไว้สำหรับห้ามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมิให้เข้ามาขอเฉลี่ยในกรณีที่ยังมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่อีก และเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นนั้นสามารถเอาชำระจากทรัพย์สินนั้นได้เท่านั้น
คำว่า " สามารถชำระได้จากทรพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ " นั้นหมายความว่าเอาชำระได้โดยสิ้นเชิง การได้ชำระหนี้แต่เพียงบางส่วนหาใช่เป็นการสามารถเอาชำระหนี้ได้ตาม มาตรา 290 วรรคสองไม่
มาตรา 290 วรรคสองบัญญัติไว้สำหรับห้ามเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมิให้เข้ามาขอเฉลี่ยในกรณีที่ยังมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่อีก และเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นนั้นสามารถเอาชำระจากทรัพย์สินนั้นได้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหนี้เมื่อลูกหนี้ทำประกันลดน้อยลง แม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระ
ในฟ้องโจทก์อ้างสิทธิเรียกร้องเงินกู้ เพราะจำเลยไม่มีสิทธิที่จะได้รับประโยชน์แห่งเงื่อนเวลา จำเลยไม่ได้ต่อสู้อย่างใด คงปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ไปตามฟ้อง ทั้งปัญหาข้อนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เกี่ยวกับเรื่องเงื่อนเวลา จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้: ฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้เนื่องจากข้ออ้างไม่ชัดเจนและขาดการสืบพยาน
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีสำนวนอื่นของจำเลยขอเฉลี่ยทรัพย์อ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้วนอกจากที่โจกท์นำยึดเท่านั้น
โจทก์ฎีกาคัดค้าน เมื่อฎีกาของโจทก์คลุมเครือไม่แจ้งชัดว่าหมายถึงเจ้าหนี้รายใด (ผู้ร้องขอเฉลี่ยหลายราย) และข้ออ้างว่ากระไร ดังนี้ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
โจทก์ฎีกาคัดค้าน เมื่อฎีกาของโจทก์คลุมเครือไม่แจ้งชัดว่าหมายถึงเจ้าหนี้รายใด (ผู้ร้องขอเฉลี่ยหลายราย) และข้ออ้างว่ากระไร ดังนี้ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474-1475/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าทนายความ: เจ้าหนี้ร่วม ลูกหนี้เลือกชำระได้
หนี้เงินค่าทนายที่ศาลสั่งไว้ในคำพิพากษาให้ผู้แพ้คดีชำระให้แก่ผู้ชนะคดีนั้น เป็นหนี้ร่วม ลูกหนี้จะเลือกชำระให้แก่เจ้าหนี้ร่วมคนใดคนหนึ่งก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ในคดีที่มีโจทก์ร่วม: สิทธิของลูกหนี้และเจ้าหนี้ร่วม
โจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ร่วม หากปรากฎว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี ก็เป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมได้ และตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 290 บัญญัติว่า ถ้าการชำระหนี้อันอาจแบ่งชำระได้ เมื่อเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้ เจ้าหนี้จะต้องรับผิดหรือชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วน ๆ เท่า ๆ กัน ฉะนั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะขอเงินซึ่งอาจแบ่งแยกให้แก่โจทก์ ซึ่งมีอยู่หลายคนแต่เพียงคนเดียวโดยสิ้นเชิง โดยอ้าง ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 298 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้และการไถ่ถอนการขายฝาก: การฟ้องแทนลูกหนี้โดยไม่ต้องหมายเรียกในฐานะโจทก์
เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และปรากฎว่าลูกหนี้มีที่ดินอยู่ 1 แปลง ขายฝากแก่เขาไว้ ยัง ไม่ท่วมราคาที่ดินแต่ลูกหนี้ไม่ยอมไถ่ถอน ดังนี้เจ้าหน้าย่อมมีสิทธิใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้แทนลูกหนี้ ฟ้องขอ ไถ่ถอนที่ดินนั้นได้ และในการฟ้องคดีดังกล่าวแม้เจ้าหนี้จะเป็นโจทก์ฟ้องลูกหนี้และผู้รับซื้อฝากที่ดินไว้เป็นจำเลย ด้วยกัน ก็ถือได้ว่าเป็นการขอหมายเรียกลูกหนี้เข้ามาในคดีด้วยแล้ว ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 234 หาจำต้อง หมายเรียกลูกหนี้มาในคดีในฐานะเป็นโจทก์เสมอไปไม่./