พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกับผู้อื่นหลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญา ก่อให้เกิดความเสียหาย
นายอำเภอสั่งให้จำเลยที่ 1 จัดการเรื่องเพิกถอนการร้องขอขายที่ดินจัดการใส่ชื่อบุตรโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินจำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมปฏิบัติ กลับพูดจาเป็นทำนองขู่เข็ญโจทก์ ยิ่งกว่านั้นยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดหลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เงินระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยบอกว่าเป็นการถอนเรื่องการซื้อขาย โอนชื่อให้เด็กได้จึงเป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ตั้งใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์โอนที่ดินให้บุตรไม่ได้ และถ้าโจทก์ไม่ทราบถึงการหลอกลวงของจำเลยทั้งสามคนหลงเชื่อตามเมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาหย่าอาจขาดอายุความได้ นอกจากนั้น จำเลยทั้งสามยังร่วมกันก่อให้เกิดภาระผูกพันกับที่ดินโดยนำที่ดินไปเป็นหลักประกันในสัญญากู้เงินและการกระทำของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1แต่มิได้เป็นเจ้าพนักงานจึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกับผู้อื่นหลอกลวงให้ลงนามในสัญญา ทำให้เกิดความเสียหาย
นายอำเภอสั่งให้จำเลยที่ 1 จัดการเรื่องเพิกถอนการร้องขอขายที่ดินจัดการใส่ชื่อบุตรโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดิน. จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมปฏิบัติ. กลับพูดจาเป็นทำนองขู่เข็ญโจทก์. ยิ่งกว่านั้นยังร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดหลอกลวงโจทก์ให้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เงินระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3. โดยบอกว่าเป็นการถอนเรื่องการซื้อขาย โอนชื่อให้เด็กได้. จึงเป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่า ตั้งใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ. และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์โอนที่ดินให้บุตรไม่ได้. และถ้าโจทก์ไม่ทราบถึงการหลอกลวงของจำเลยทั้งสามคนหลงเชื่อตาม.เมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป สิทธิที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามสัญญาหย่าอาจขาดอายุความได้. นอกจากนั้น จำเลยทั้งสามยังร่วมกันก่อให้เกิดภาระผูกพันกับที่ดิน โดยนำที่ดินไปเป็นหลักประกันในสัญญากู้เงิน. และการกระทำของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต. จำเลยที่ 2 ที่ 3ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1. แต่มิได้เป็นเจ้าพนักงาน. จึงมีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกเงินขององค์การตลาด แม้เป็นเจ้าพนักงานชั้นผู้น้อยก็ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเรียกเก็บเงินค่าเช่าแผงลอย ค่าโอนแผงลอยค่าต่อสัญญาเช่าต่าง ๆ เป็นรายเดือนจากบุคคลหลายราย ในหลายท้องที่ และเรียกเก็บอยู่เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในระหว่างนั้นก็ได้ยักยอกเอาเงินที่เรียกเก็บมาได้นั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียในระหว่างวันเวลา สถานที่ดังกล่าวในฟ้อง ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงลักษณะวิธีการพฤติการณ์ในการกระทำผิดของจำเลย และกล่าวความเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่หาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควร ที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่ใช่คำฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาด ให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลย การที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไป จึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาด ให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลย การที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไป จึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกเงินขององค์การตลาด แม้เป็นเจ้าพนักงานชั้นผู้น้อยก็ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเรียกเก็บเงินค่าเช่าแผงลอยค่าโอนแผงลอย ค่าต่อสัญญาเช่าต่างๆ เป็นรายเดือนจากบุคคลหลายราย ในหลายท้องที่ และเรียกเก็บอยู่เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในระหว่างนั้นก็ได้ยักยอกเอาเงินที่เรียกเก็บมาได้นั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียในระหว่างวันเวลาสถานที่ดังกล่าวในฟ้อง ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงลักษณะวิธีการพฤติการณ์ในการกระทำผิดของจำเลยและกล่าวความเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่หาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควร ที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วไม่ใช่คำฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาดให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลยการที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไปจึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 4
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาดให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลยการที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไปจึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกเงินขององค์การตลาดโดยเจ้าพนักงาน แม้เป็นเจ้าพนักงานชั้นผู้น้อย
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเรียกเก็บเงินค่าเช่าแผงลอยค่าโอนแผงลอย ค่าต่อสัญญาเช่าต่างๆ เป็นรายเดือนจากบุคคลหลายราย ในหลายท้องที่ และเรียกเก็บอยู่เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี. ในระหว่างนั้นก็ได้ยักยอกเอาเงินที่เรียกเก็บมาได้นั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียในระหว่างวันเวลาสถานที่ดังกล่าวในฟ้อง. ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงลักษณะวิธีการพฤติการณ์ในการกระทำผิดของจำเลย.และกล่าวความเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่ที่หาว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควร ที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว. ไม่ใช่คำฟ้องเคลือบคลุม.
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาดให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลย. การที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไป. จึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่. เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 4.
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการเงินขององค์การตลาดให้เป็นไปตามหน้าที่ของจำเลย. การที่จำเลยยักยอกเอาเงินขององค์การตลาดไป. จึงเป็นความผิดในฐานะเป็นเจ้าพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐกระทำการทุจริตต่อหน้าที่. เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 4.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับเงินจากผู้กระทำผิดกฎจราจร เข้าข่ายความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินและทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ขณะปฏิบัติหน้าที่เวรตำรวจจราจรได้สั่งให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่ แล้วภายหลังเรียกเงินจากผู้เสียหายเช่นนี้ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148 เพราะมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบแต่เป็นความผิดตามมาตรา 149 ฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบและฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 157 ด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องให้ลงโทษตามมาตรา 148 และ 157 แต่มิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 149ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 157 ได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจร ได้เรียกให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่และจับกุมอันเป็นการปฏิบัติในอำนาจหน้าที่ แต่ภายหลังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายโดยมิชอบ ดังนี้ คงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินในอำนาจหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา149 และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 337
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจร ได้เรียกให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่และจับกุมอันเป็นการปฏิบัติในอำนาจหน้าที่ แต่ภายหลังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายโดยมิชอบ ดังนี้ คงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินในอำนาจหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา149 และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินในหน้าที่ โดยมีอำนาจตามกฎหมายแต่เรียกเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ขณะปฏิบัติหน้าที่เวรตำรวจจราจร. ได้สั่งให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่. แล้วภายหลังเรียกเงินจากผู้เสียหาย. เช่นนี้ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148. เพราะมิได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ. แต่เป็นความผิดตามมาตรา 149 ฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ. และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 157 ด้วย. เมื่อโจทก์ฟ้องให้ลงโทษตามมาตรา 148 และ 157. แต่มิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 149. ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 157ได้.
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจร. ได้เรียกให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่และจับกุมอันเป็นการปฏิบัติในอำนาจหน้าที่. แต่ภายหลังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายโดยมิชอบ. ดังนี้ คงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินในอำนาจหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา149 และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157.ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 337.
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจร. ได้เรียกให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตขับขี่และจับกุมอันเป็นการปฏิบัติในอำนาจหน้าที่. แต่ภายหลังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายโดยมิชอบ. ดังนี้ คงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินในอำนาจหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา149 และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 157.ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 337.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างประจำฯ ไม่ใช่เจ้าพนักงาน แม้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ลงโทษฐานสนับสนุนได้เท่านั้น
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากร มิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน แม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่ และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงาน ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้ คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะ ‘ลูกจ้างประจำ’ กับความผิดฐานเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ การลงโทษฐานผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากรมิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนแม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงานฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างประจำและเจ้าพนักงาน: การลงโทษในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากร. มิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน. แม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่. และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงาน. ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149. ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้. คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น.