คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณประโยชน์เลิกใช้แล้วเป็นที่ดินราชพัสดุ แม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่จำเลยยังไม่ได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองเกิน 10 ปี
ที่ดินจำเลยตั้งอยู่ติดกับร่องน้ำสาธารณะ ประชาชนนำขยะและสิ่งของไปทิ้งจนร่องน้ำตื้นเขิน เป็นที่ราบ ดังนี้ แม้ที่ดินดังกล่าวจะตื้นเขิน มีระดับเสมอกับที่ดินของจำเลย แต่ก็มิใช่ที่งอกริมตลิ่งเพราะมิได้งอก ไปจากที่ดินของจำเลย การที่คลองหรือร่องน้ำสาธารณะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทกลายสภาพเป็นที่ตื้นเขิน แม้ต่อมาพลเมืองจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยจำเลยเข้าครอบครองปลูกสร้างเพิง สังกะสีแต่ผู้เดียวเมื่อยังไม่มีบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาให้ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน คลองหรือร่องน้ำดังกล่าวก็ยังคงมีสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม แม้โจทก์จะไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุและจำเลยจะได้ครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1306 โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การครอบครองและยักยอกทรัพย์
ตามบันทึกการฟ้องด้วยวาจาที่ศาลบันทึกไว้ประกอบกับบันทึกการฟ้องด้วยวาจาที่โจทก์ส่งต่อศาลได้ความว่า เมื่อวันที่ 24มิถุนายน 2531 เวลากลางวัน จำเลยครอบครองวีดีโอเทป 1 เครื่องราคา 21,000 บาท ของผู้เสียหายไว้ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม2531 เวลากลางวัน จำเลยเบียดบังยักยอกเอาวีดีโอเทปของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริตดังนี้ ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว หาจำต้องบรรยายถึงว่าจำเลยกระทำการเบียดบังยักยอกเอาวีดีโอเทปไปอย่างไร ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: ศาลพิจารณาโทษสถานหนักจากผลกระทบต่อสังคม
การกำหนดโทษผู้กระทำผิด ศาลพิจารณาถึงผลร้ายแรงของการกระทำความผิดประกอบด้วย ทั้งการกำหนดโทษเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป จำเลยมีเฮโรอีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนัก 2,321 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายผลการกระทำของจำเลยถ้าได้จำหน่ายไปถึงมือประชาชนทั่วไปแล้วจะเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง จำเลยจึงควรจะได้รับโทษสถานหนัก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองที่ไม่สุจริตและไม่สงบระหว่างคดีความ
เมื่อโจทก์เข้าทำนาในที่พิพาทก็ถูก จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่พิพาท ดังนี้ การที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทในระหว่างเป็นคดีความไม่ถือ ว่าครอบครองโดย สุจริตและโดย สงบตามป.พ.พ. มาตรา 1370.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นจับกุมไม่เพียงพอพิสูจน์การครอบครองของกลาง
ไม้สักของกลางจะเป็นของจำเลยจริงหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบสนับสนุน ลำพังแต่ เฉพาะ คำรับสารภาพของจำเลยในขั้นจับกุมเท่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่าจำเลยมีไม้สักของกลางไว้ในครอบครอง คำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ดังนี้ คดีไม่พอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองและการฟ้องคดีเกิน 1 ปี ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375
จำเลยได้ ทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาท ซึ่ง มี น.ส.3 ก. กับโจทก์มีกำหนด 1 ปี เมื่อครบกำหนดตาม สัญญาขายฝากแล้ว จำเลยยังคงครอบครองที่พิพาทตลอดมา โจทก์บอกให้จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์ แต่ จำเลยไม่ทำ ต่อมาจำเลยได้ ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรม ต่อ ทางราชการเกี่ยวกับเรื่องขายฝาก ดังนี้ ถือ ได้ ว่าจำเลยได้ แย่ง สิทธิครอบครองของโจทก์และได้ บอกกล่าวการเปลี่ยนลักษณะแห่งการ ยึดถือครอบครองที่พิพาทเป็นของตน ต่อ โจทก์แล้ว การที่โจทก์นำคดี มาฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันสัญญาขายฝากครบกำหนด ซึ่ง เป็นวันที่โจทก์ถูก แย่งการครอบครองโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและในเวลากลางคืน ศาลฎีกาไม่เห็นควรให้รอการลงโทษ
นอกจากจำเลยจะมีอาวุธปืน และกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดย ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมายแล้ว จำเลยยังพาอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนติดตัวไปตาม ถนน สาธารณะในเมืองในเวลากลางคืนอีกด้วย พฤติการณ์แห่งคดีจึงยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2052/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 เดือน ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 เดือน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษ ให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายกัญชาจำคุก 1 ปี ส่วนบทลงโทษคงเดิมเพียงแต่ระบุวรรคให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย กับขอให้รอการลงโทษ เป็นการฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครอง ศาลฎีกาไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐาน มีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76ลดโทษแล้วจำคุก 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษฐาน มีกัญชาไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 76 วรรคแรกซึ่ง เป็นมาตราเดียว กัน ลดโทษแล้วคงจำคุก 1 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีแร่ในครอบครองและขนแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แร่เป็นของผู้อื่นก็มีความผิดได้
ปัญหาว่า ของกลางเป็นแร่หรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยให้การ รับสารภาพว่าของกลางดังกล่าวเป็นแร่ ฎีกาของจำเลยที่ว่าของกลางมิใช่แร่จึงเป็นฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 4 ให้บทนิยามคำว่า"มีแร่ไว้ในครอบครอง หมายความว่า การซื้อ แร่ การมีไว้ การยึดถือหรือการรับไว้ด้วย ประการใดซึ่ง แร่ ทั้งนี้ ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น" มาตรา 105 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ครอบครองแต่ ละชนิดเกินสองกิโลกรัม เว้นแต่ (1) ฯลฯ ถึง 12 ฯลฯ" มาตรา 108บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใด เว้นแต่ (1) ฯลฯ ถึง 10 ฯลฯ"ดังนี้ การที่จำเลยครอบครองแร่โลหะตะกั่ว โดย ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมายแม้ว่าแร่จะเป็นของบุคคลอื่น จำเลยย่อมมีความผิดฐาน มีแร่ไว้ในความครอบครองโดย ไม่ได้รับใบอนุญาตกระทงหนึ่ง และที่จำเลยครอบครองแร่โลหะตะกั่ว ของกลางแล้วขนแร่ไปโดย ไม่มีใบอนุญาตขนแร่ดังกล่าวโดย ฝ่าฝืนมาตรา 108 จำเลยย่อมมีความผิดฐาน ขนแร่โลหะตะกั่วตาม มาตรา 148 อีกกระทงหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท.
of 214