คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คน ถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วา จำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแล้ว
การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วาจำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้าย ร่างกายผู้เสียหายแล้ว การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความพิการ ศาลแก้ข้อกล่าวหาเป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียวโดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมี เจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7),80 และ ฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม มาตรา 288,80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรง ศาลฎีกา ก็แก้ไขให้ ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งอาวุธและการทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส ศาลแก้ไขข้อกล่าวหาจากพยายามฆ่าและปล้นทรัพย์เป็นพยายามฆ่าและชิงทรัพย์
จำเลยกับพวกอีก 4 คน ไม่มีอาวุธ กลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหาย มีแต่เพียงเจตนาทำร้าย การแย่งอาวุธปืนของผู้เสียหายแล้วยิงผู้เสียหายจนตาบอดทั้ง 2 ข้าง เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในตอนหลังของจำเลยเพียงผู้เดียว โดยเจตนาจะแย่งอาวุธปืนเพื่อใช้ยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า เป็นการกระทำโดยเจตนาลักเอาอาวุธปืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7), 80 และฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม มาตรา 288, 80 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 339 วรรคสี่ ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมาโดยตรงศาลฎีกาก็แก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2397/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ทำร้ายด้วยอาวุธมีคมหลายครั้งและพยายามแย่งปืนของผู้เสียหาย
จำเลยใช้มีดพร้าของกลางตัวมีดยาวประมาณคืบเศษจากคมถึงสันกว้าง ประมาณ 3 นิ้วมือเรียงกัน ด้ามมีดยาว 1 ศอก 1คืบซึ่งเป็นอาวุธมีคมขนาดใหญ่สามารถทำร้ายถึงตายได้ฟันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถูกส่วนที่สำคัญของร่างกายรวม4 แห่ง หากผู้ใหญ่บ้านไม่เข้าขัดขวางแย่งมีดพร้าของกลางจากจำเลยเอาไว้ได้เสียก่อน จำเลยก็อาจฟันผู้เสียหายซึ่งขณะนั้นล้มฟุบหมดสติอยู่จนถึงแก่ความตายได้ และเมื่อผู้ใหญ่บ้านแย่งมีดพร้าดังกล่าวได้แล้ว จำเลยก็ยังได้เข้าไปหยิบปืนยาวของผู้เสียหายที่วางอยู่ข้างหน้าผู้เสียหายจนผู้ใหญ่บ้านต้องแย่งปืนนั้นมาจากจำเลยอีกแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาจากลักษณะอาวุธและบาดแผลของผู้ตาย
จำเลยใช้ ไม้ไผ่ตัน ขนาดยาว 63 เซนติเมตรวัดโดยรอบ 9 เซนติเมตรตีผู้ตายหลายที รวมทั้งตีที่ศีรษะอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายจนกะโหลกศีรษะส่วนท้ายทอยบริเวณด้านล่าง ของสมองแตก ผู้ตายหมดสติหลังถูกทำร้ายไม่นานนักและถึง แก่ความตายในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่า มีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการบุกรุกเพื่อทำร้าย ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวและกรรมหลังตามบทกฎหมาย
จำเลยทั้งสามทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันตามฟ้องข้อ ก.เสร็จสิ้นแล้ว เป็นความผิดกรรมแรก ต่อมาจำเลยที่ 3 ถือชะแลงเหล็กเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และการทำร้ายซึ่งกันและกันของจำเลยทั้งสามตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งเป็นกรรมหลัง ซึ่งในกรรมหลังนี้ การบุกรุกของจำเลยที่ 3 ก็โดยมีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายและได้ทำร้ายจำเลยที่ 1 การกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 3 รับอันตรายสาหัสตามฟ้องข้อ ค.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวม แก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวด คอด้านหลังปวดเวลาก้มเงย และปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดบาดแผลทางกาย ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295
จำเลยทำร้ายผู้เสียหาย ปรากฏบาดแผลตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลคือ ริมฝีปากบนช้ำบวมแก้มข้างซ้ายบวมปวด ข้อเท้าซ้ายเคล็ดปวดคอด้านหลังปวดเวลาก้มเงยและปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก รักษาประมาณ 5 วัน นับได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในสถานการณ์ฉุกละหุกและบันดาลโทสะ ศาลลดโทษจากฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในที่มืด ในระยะเวลาฉุกละหุกไม่ มีเวลาเลือกที่แทง และแทงไปเพียงครั้งเดียวซึ่งเป็น การแทงโดยไม่อาจทราบได้ว่าจะถูกตรงที่ใด จำเลยรักผู้ตายซึ่งเป็นภรรยามาก ไม่เคยดุด่าทำร้ายผู้ตายมาก่อน เมื่อแทงผู้ตายแล้วมิได้หลบหนี ได้พยายามนำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลเพราะเข้าใจว่าผู้ตายยังไม่ตาย ถือไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายจำเลยจึงมีความผิดเพียง ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
จำเลยเอาใจชวนผู้ตายซึ่งเมาสุรามากให้รับประทานอาหารผู้ตายไม่รับประทานกลับเหยียบจานข้าวและตะเกียงจนดับแล้ว เดินข้ามสำรับกับข้าวไปนอน จำเลยตามไปง้อ ผู้ตายกลับใช้มีดแทงจำเลยก่อนจำเลยแย่งมีดได้จึงใช้มีดแทงผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อทางพิจารณา ได้ความว่าจำเลยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจน เป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายก็ลงโทษตามฐานความผิดเท่าที่พิจารณาได้ความได้
of 184