พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลมีอำนาจรับฟังพฤติการณ์ก่อน-หลังสัญญาปราณีประนอมยอมความเพื่อค้นหาความจริงได้ แม้จะไม่ได้ยกประเด็นไว้แต่แรก
ประเด็นมีว่า จำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกับโจทก์ตามที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเปล่า การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งประเด็น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรง ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่าจะควรเชื่อหรือไม่เชื่อพฤติการณ์ต่าง ๆ ระหว่างโจทก์จำเลยตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาทอันอ้างว่าเป็นเหตุให้เกิดสัญญาปราณีประนอมยอมความและการติดต่อภายหลัง อันเป็นเหตุให้อ้างว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้นได้มีการให้สัตยาบัน จึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะถึงทำได้ เพราะเป็นการค้นหาความจริงว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเอง โจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็น เพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็น หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลมีอำนาจรับฟังพฤติการณ์ก่อน-หลังสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อค้นหาความจริงได้ โจทก์จำกัดสิทธิมิได้
ประเด็นมีว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเปล่า การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งประเด็น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรง ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่าจะควรเชื่อหรือไม่เชื่อพฤติการณ์ต่างๆ ระหว่างโจทก์จำเลยตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาทอันอ้างว่าเป็นเหตุให้เกิดสัญญาประนีประนอมยอมความและการติดต่อภายหลัง อันเป็นเหตุให้อ้างว่า สัญญาประนีประนอมยอมความนั้นได้มีการให้สัตยาบัน จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพึงทำได้ เพราะเป็นการค้นหาความจริงว่า สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเอง โจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นเพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์จากสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์ ศาลพิจารณาเจตนาคู่กรณีและพฤติการณ์เจ้าของเดิม
ที่พิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาโจทก์ ได้เอามาขายฝากโดยทำสัญญากันเองไว้แก่บิดามารดาจำเลย บิดามารดาจำเลยตายแล้วจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีแล้ว และเมื่อบิดามารดาโจทก์ตาย โจทก์ก็มิได้จัดการจดทะเบียนรับมฤดก ปล่อยให้ฝ่ายจำเลยครอบครองมาเกิน 10 ปี จนจำเลยได้มาร้องต่อศาลให้แสดงกรรมสิทธิว่าเป็นของจำเลย ศาลก็ได้สั่งแสดงกรรมสิทธิไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้นิติกรรมการขายฝากไม่สมบูรณ์ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่า บิดามารดาโจทก์มอบที่ดินให้บิดามารดาจำเลยดังเช่นขาย แต่สงวนไว้เพียงสิทธิไถ่ถอน ฉะนั้นจะเรียกว่าบิดามารดาจำเลยยึดถือที่ดินไว้ในฐานผู้แทนผู้ครอบครองตามมาตรา 1381 ป.ม.แพ่งยังไม่ได้ กรณีเช่นนี้เรียกได้ว่า บิดามารดาจำเลยเข้าครอบครองเพื่อตนโดยอาศัยการอนุญาตของเจ้าของ จึงมีปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาว่าฝ่ายจำเลยได้ครอบครองมาโดยสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาจนเกิน 10 ปีหรือไม่ การที่จะแสวงหาความจริงข้อนี้ ต้องพิเคราะห์กิริยาอาการของฝ่ายโจทก์ผู้มอบที่ดินให้นั้นด้วย เพราะถ้าเจ้าของเดิมไม่แสดงอาการเป็นเจ้าของเกี่ยวข้องกับที่นั้นเลย สละละทิ้งไปจนเกินเวลาอันสมควรแล้ว ก็พึงเห็นเจตนาของคู่กรณีได้ว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมให้ฝ่ายครอบครอบทำการครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเพื่อผู้ครอบครองนั้นเองตั้งแต่ต้นมาทั้งนี้ได้เคยมีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าทำสัญญากันเองเป็นทำนองขายฝากนั้นเจ้าของเดิมจะมาฟ้องเอาที่คืนโดยอ้างข้อสัญญาที่ให้ไถ่นั้นหาได้ไม่ (ฎีกาที่ 5/2465, 352/2492) สำหรับคดีนี้โจทก์จะชนะคดีได้ก็ด้วยการแสดงว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าตามข้อกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แต่คดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์ยังคงแสดงสิทธิเป็เจ้าของอยู่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานเสียนั้นยังไม่สมควร จึงต้องพิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้พลาดเป้า: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากพฤติการณ์การยิง
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายซึ่งหน้าในระยะเพียงวาเดียว และจ้องยิงแถวท้องน้อย แต่กระสุนลั่นไปถูกมือผู้เสียหาย ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่ากระสุนอาจถูกที่สำคัญอันจะทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ เมื่อกระสุนพลาดที่สำคัญไป จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานผู้ฟ้องดำเนินคดีแสดงพฤติการณ์ไม่ดี ศาลใช้ประกอบการพิจารณาได้
โจทก์อ้างตัวเองเป็นพยาน คำให้การของโจทก์ที่แสดงถึงนิสัยและความประพฤติไม่ดีของโจทก์เองโดยตรง ศาลย่อมยกขึ้นมาประกอบการพิจารณาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบร่วมกันลักทรัพย์: พฤติการณ์ส่งมอบของกลางแสดงเจตนา
พฤตติการณ์ที่ถือ+เป็นตัวการลักทรัพย์โดยมีพรรคพวก ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบร่วมกันลักทรัพย์: พฤติการณ์ใกล้ชิดและการส่งของกลางเป็นหลักฐานบ่งชี้การสมคบ
แม้จะไม่มีพยานโดยตรงว่า จำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 มาแต่แรก แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 เดินอยู่ใกล้ชิดจำเลยที่ 2 พอจำเลยที่ 2ล้วงกระเป๋าลักแว่นตามาได้ก็ส่งให้จำเลยที่ 1 ในเวลากระชั้นชิดนั้นเอง และจำเลยที่ 1 รับแล้วใส่ไว้ในอกเสื้อแสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบแบ่งปันหน้าที่กันแต่แรกแล้ว ถือว่าเป็นตัวการลักทรัพย์โดยมีพรรคพวก ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโจทก์ฟ้องคดีอาญาของบุตรผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย แม้มีภรรยา และการพิพากษาลงโทษตามพฤติการณ์
บุตรผู้ถูกทำร้ายตาย+จะมีสามีแล้ว ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยยการในคดีที่ฟ้องผู้ที่ทำให้ตายได้ ตาม ป.วิ.อาญามาตรา 3(2) และมาตรา 5(2) การที่ภรรยาผู้ถูกทำร้ายตายไม่ขอร่วมเป็นโจทก์กับอัยยการ ไม่ทำให้สิทธิของบุตรผู้ตายดังกล่าวแล้วเสียไป
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตาย แต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้นไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252, 259
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตาย แต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้นไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 252, 259
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์แสดงสันดานผู้ร้ายและการลงโทษกักกัน
พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือนและลงโทษกักกันอีก 3 ปีศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกโทษกักกันเสียดังนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือนและลงโทษกักกันอีก 3 ปีศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกโทษกักกันเสียดังนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันวิ่งราวทรัพย์: พฤติการณ์ใกล้ชิดและการหลบหนีร่วมกันเป็นหลักฐานการสมคบ
พฤตติการณ์ที่ถือว่าสมคบกันวิ่งราวทรัพย์