พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,012 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องยื่นก่อนบังคับคดีเสร็จสิ้น การสู้ราคาเป็นข้อตกลงระหว่างคู่กรณี
จำเลยร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ต้องร้องก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้น มาร้องเมื่อขายและจ่ายเงินแก่โจทก์ไปแล้ว ขอเพิกถอนไม่ได้ โจทก์และภริยาโจทก์เข้าสู้ราคาได้ การที่มีข้อตกลงกันไว้ในการสู้ราคาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่จะมาร้องให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนต่างด้าวซื้อที่ดินร่วมกับคนไทย การขายทอดตลาด และค่าเสียหายจากการรื้อถอนเรือน
โจทก์ที่ 1 และบิดามารดาจำเลยล้วนเป็นคนต่างด้าว ได้ร่วมกันออกเงินซื้อที่ดินพิพาทโดยใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์แทน ต่อมาบิดามารดาจำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินร่วมของตนให้แก่โจทก์ที่ 1 ในราคา 19,000 บาท ดังนี้ การแบ่งที่ดินพิพาทบางส่วนให้เป็นของโจทก์ที่ 1 ไม่อาจทำได้ เพราะจะเป็นการบังคับให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ศาลชอบที่สั่งให้ขายทอดตลาดที่ดินได้เงินเท่าใดแบ่งให้จำเลยในฐานะทายาท 19,000 บาท เงินส่วนที่เหลือเป็นของโจทก์
เรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จำเลยได้บอกให้ผู้อื่นรื้อเอาไป การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์ที่ 1 จะเป็นคนต่างด้าวไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ก็ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
จำเลยฎีกาว่า หากศาลจะฟังว่าต้องขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ก็ชอบที่จะต้องเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งกันตามส่วนที่ออกเงินซื้อ นั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
เรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จำเลยได้บอกให้ผู้อื่นรื้อเอาไป การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์ที่ 1 จะเป็นคนต่างด้าวไม่อาจมีกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ ก็ชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
จำเลยฎีกาว่า หากศาลจะฟังว่าต้องขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ก็ชอบที่จะต้องเอาเงินที่ขายได้มาแบ่งกันตามส่วนที่ออกเงินซื้อ นั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขับไล่ลูกหนี้ออกจากที่ดินหลังการขายทอดตลาด รวมถึงการคิดค่าเสียหาย
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลสั่งเลิกการขายทอดตลาดที่ดินที่ยึดในการบังคับคดี ศาลชั้นต้นยกคำร้องระหว่างอุทธรณ์คำสั่งผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดฟ้องขอให้ขับไล่ลูกหนี้ออกจากที่ดินนั้นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ผู้ซื้อที่ดินจากศาลขายทอดตลาดในการบังคับคดีฟ้องขอให้บังคับลูกหนี้ออกจากที่ดินแล้วร้องขอให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาออกจากที่ดินที่ซื้ออีกด้วย ศาลชั้นต้นสั่งให้ลูกหนี้ออกจากที่ดินนั้น ลูกหนี้อุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์สั่งให้ทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นการให้ทุเลาการบังคับคดีไม่ทำให้ลูกหนี้อยู่ในที่ดินโดยไม่เป็นละเมิดแต่ศาลให้ลูกหนี้ใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดตั้งแต่วันฟ้อง ไม่ใช่วันที่ผู้ซื้อรับโอนกรรมสิทธิ์
ผู้ซื้อที่ดินจากศาลขายทอดตลาดในการบังคับคดีฟ้องขอให้บังคับลูกหนี้ออกจากที่ดินแล้วร้องขอให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาออกจากที่ดินที่ซื้ออีกด้วย ศาลชั้นต้นสั่งให้ลูกหนี้ออกจากที่ดินนั้น ลูกหนี้อุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์สั่งให้ทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นการให้ทุเลาการบังคับคดีไม่ทำให้ลูกหนี้อยู่ในที่ดินโดยไม่เป็นละเมิดแต่ศาลให้ลูกหนี้ใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดตั้งแต่วันฟ้อง ไม่ใช่วันที่ผู้ซื้อรับโอนกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ผู้ให้ราคาสูงสุดจึงจะเป็นผู้ซื้อได้ หากไม่มีข้อผิดพลาดหรือทุจริต
ตามประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้กำหนดเงื่อนไขในการขายว่าจะต้องรายงานการขายทอดตลาดเสนอขออนุญาตศาลเสียก่อน เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จึงถือว่าผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ซื้อได้ คงมีข้อความเพียงว่า เมื่อตกลงซื้อแล้ว ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินทันที ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีข้อความว่าได้ขายเสร็จแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ที่ให้ราคาสูงสุดพร้อมจะชำระเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามเงื่อนไขในวันนั้น และผู้ร้องก็ยืนยันตลอดมาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการเคาะไม้แล้ว การขายทอดตลาดจึงบริบูรณ์ เมื่อไม่ปรากฏว่าการขายทอดตลาดผิดระเบียบ ไม่ชอบ หรือส่อว่ามีการทุจริต จึงไม่มีเหตุใดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องรายงานศาลเพื่อขออนุญาตขายซ้ำอีก และถือว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีทรัพย์นอกเขตศาล: ศาลสั่งให้ศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่ดำเนินการ หรือมอบให้ศาลแรกทำได้
การบังคับคดีแก่ทรัพย์ซึ่งอยู่นอกเขตสาลนั้น ศาลชั้นต้นที่ชี้ขาดตัดสินจะทำการบังคับคดีเอากับทรัพย์นั้น ๆ ไม่ได้ จักต้องตั้งศาลชั้นต้นที่ทรัพย์นั้นอยู่ในเขตศาลให้ดำเนินการบังคับดคีแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 16 ประกอบกับมาตรา 302 วรรคท้าย เมือ่ได้ตั้งศาลชั้นต้นใดให้ดำเนินการบังคับคดีแทนแล้ว ศาลชั้นต้นที่ตั้งศาลอื่นก็ยังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยบวกับการบังคับคดีต่อไปจนเสร็จสิ้น โดนจะให้ศาลชั้นต้นที่ทำการบังคับคดีแทนทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดแล้วส่งเงินที่ได้จากการขายทรัพย์นั้นไป หรือเพียงแต่มอบให้ยึดทรัพย์ไว้โดยจะทำการขายทอดตลาดเสียเองก็ย่อมทำได้
การที่จำเลยยื่นฎีกาโดยใช้แบบพิมพ์คำร้อง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาขึ้นมา โดยมิได้สั่งให้ทำใหม่เสียให้ถูกต้อง ก็อนุโลมให้ถือว่าเป็นฎีกาที่สั่งรับไว้แล้วโดยชอบ ไม่จำเป็นต้องสั่งย้อนให้จำเลยทำใหม่
การที่จำเลยยื่นฎีกาโดยใช้แบบพิมพ์คำร้อง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาขึ้นมา โดยมิได้สั่งให้ทำใหม่เสียให้ถูกต้อง ก็อนุโลมให้ถือว่าเป็นฎีกาที่สั่งรับไว้แล้วโดยชอบ ไม่จำเป็นต้องสั่งย้อนให้จำเลยทำใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาด: สิทธิของผู้สู้ราคา & ผลของการไม่ชำระราคาตามกำหนด
ในการขายทอดตลาดของศาล ว.ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้ราคาสูงสุด ช.ให้ราคารองลงมา ศาลสั่งอนุญาตให้ขายแก่ ว. ให้ ว.วางเงินมัดจำในวันนั้น หากไม่นำเงินมาวางก็เป็นอันยกเลิกไม่ขายให้ ว.และให้ขายแก่ ช. ให้ ช. วางมัดจำในวันที่กำหนดให้ ว. ขอผัดวางเงิน ศาลไม่อนุญาต ดังนี้ ศาลจะสั่งให้ขายให้แก่ ช. โดยมิได้ขายทอดตลาดใหม่หาได้ไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 514 เมื่อ ว. ได้สู้ราคาสูงขึ้นไปกว่า ช. ช.ย่อมพ้นความผูกพันในราคาที่ตนสู้ และศาลก็ได้สั่งให้ขายให้ ว. เมื่อ ว. ไม่ชำระราคาตามกำหนด และศาลไม่อนุญาตให้ผัดการวางเงินออกไปอีก ว. จึงเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดที่ได้ละเลยเสียไม่ใช้ราคา ศาลจะต้องเอาทรัพย์นั้นออกขายอีกซ้ำ ตามมาตรา 516 ถ้าได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิม จำเลยโดย ว.ผู้รับมอบอำนาจจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาด: ผู้สู้ราคาสูงสุดไม่ชำระเงิน ศาลต้องขายทอดตลาดใหม่ตามกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดของศาล ว. ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้ราคาสูงสุด ช. ให้ราคารองลงมา ศาลสั่งอนุญาตให้ขายแก่ ว.ให้ว. วางเงินมัดจำในวันนั้น หากไม่นำเงินมาวางก็เป็นอันยกเลิกไม่ขายให้ ว. และให้ขายแก่ ช.ให้ ช. วางมัดจำในวันที่กำหนดให้ว. ขอผัดวางเงินศาลไม่อนุญาต ดังนี้ ศาลจะสั่งให้ขายให้แก่ ช. โดยมิได้ขายทอดตลาดใหม่หาได้ไม่เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 514 เมื่อ ว. ได้สู้ราคาสูงขึ้นไปกว่า ช. ช. ย่อมพ้นความผูกพันในราคาที่ตนสู้ และศาลก็ได้สั่งให้ขายให้ ว. เมื่อ ว. ไม่ชำระราคาตามกำหนดและศาลไม่อนุญาตให้ผัดการวางเงินออกไปอีกว. จึงเป็นผู้สู้ราคาสูงสุดที่ได้ละเลยเสียไม่ใช้ราคาศาลจะต้องเอาทรัพย์นั้นออกขายอีกซ้ำ ตามมาตรา 516 ถ้าได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิมจำเลยโดย ว. ผู้รับมอบอำนาจจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาด: สิทธิของผู้สู้ราคาสูงสุดและการดำเนินการขายซ้ำเมื่อไม่ชำระราคาตามกำหนด
เมื่อ พ.ศ.2495 ย. สามีของจำเลยทำหนังสือจ้างโจทก์ให้ยกร่องสวนในที่ดินของ ย. ให้เสร็จภายใน 3 ปี และปลูกมะพร้าวกับคอยดูแล 5 ปี แล้วจะยกที่ดินตอนเหนือให้โจทก์ 3 ไร่ทำสัญญากันแล้วโจทก์ปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินที่ตกลงกันไว้นี้ตลอดมา โจทก์ได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาแล้วเมื่อ พ.ศ.2499 ย. ได้ขอออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2507 ย. ได้ขอแบ่งแยกที่ดินด้านเหนือออกเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหากมีเนื้อที่ 3 ไร่ เป็นการแสดงเจตนาว่าจะแบ่งแยกให้โจทก์ตามสัญญา การที่โจทก์อยู่ในที่ดินแปลงที่ตกลงกันนี้ตลอดมาโดย ย. ไม่ทักท้วงและไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนนี้นับแต่ครบกำหนดตามสัญญาทั้งยังได้ขอแบ่งแยกที่ดินเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหากมีเนื้อที่ 3 ไร่ ตรงตามสัญญาเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตลอดมา อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 จนเมื่อก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ราว 5 เดือน ย. ถึงแก่ความตายและจำเลยผู้เป็นทายาทปฏิเสธไม่ยอมรับรู้ ไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นจึงสิ้นสุดลง อายุความเริ่มนับใหม่ตั้งแต่นั้น ไม่ว่าจะเป็นอายุความ 10 ปี หรือ 2 ปี คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความในการฟ้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องชำระหนี้จากเงินขายทอดตลาด: การชดใช้ความเสียหายจากราคาขายต่ำกว่าที่ตกลง
โจทก์ ผู้ร้องขัดทรัพย์ และจำเลย ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าหากขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้ได้เงินสุทธิเท่าใดให้โจทก์มีสิทธิได้รับชำระหนี้2ใน 3 ส่วน เงินส่วนที่เหลือให้ผู้ร้องขัดทรัพย์รับไปเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าเงินส่วนที่เหลือจาก 2 ใน 3 ส่วนของเงินสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ตกเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เงินจำนวนนี้จึงไม่ใช่เงินของจำเลย
เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นผู้ซื้อทรัพย์ที่ยึดได้จากการขายทอดตลาดครั้งแรกในราคา 80,000 บาท แต่ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินมัดจำในการซื้อทรัพย์และได้ทำสัญญาขอผัดชำระเงินผลที่สุดได้ผิดสัญญาไม่นำเงินมาชำระและได้ยอมให้จัดการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ตามสัญญายอมรับผิดที่ทำไว้กับเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า หากการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนเท่าไร ผู้ร้องขัดทรัพย์ยอมใช้เงินให้เต็มจำนวนตามที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้รับซื้อไว้ครั้งก่อน ฉะนั้น เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ในราคา 61,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาขายครั้งแรก ก็ต้องคิดส่วนได้ของโจทก์และค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดเต็มจำนวนเสมือนหนึ่งขายทอดตลาดได้ราคาเท่าการขายทอดตลาดครั้งแรกเงินส่วนได้ของผู้ร้องขัดทรัพย์จากการขายทอดตลาดครั้งหลังจึงต้องตกอยู่ในบังคับที่จะนำไปชดใช้ส่วนที่ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำไปนั้นด้วย
เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นผู้ซื้อทรัพย์ที่ยึดได้จากการขายทอดตลาดครั้งแรกในราคา 80,000 บาท แต่ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินมัดจำในการซื้อทรัพย์และได้ทำสัญญาขอผัดชำระเงินผลที่สุดได้ผิดสัญญาไม่นำเงินมาชำระและได้ยอมให้จัดการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ตามสัญญายอมรับผิดที่ทำไว้กับเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า หากการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนเท่าไร ผู้ร้องขัดทรัพย์ยอมใช้เงินให้เต็มจำนวนตามที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้รับซื้อไว้ครั้งก่อน ฉะนั้น เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ในราคา 61,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาขายครั้งแรก ก็ต้องคิดส่วนได้ของโจทก์และค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดเต็มจำนวนเสมือนหนึ่งขายทอดตลาดได้ราคาเท่าการขายทอดตลาดครั้งแรกเงินส่วนได้ของผู้ร้องขัดทรัพย์จากการขายทอดตลาดครั้งหลังจึงต้องตกอยู่ในบังคับที่จะนำไปชดใช้ส่วนที่ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำไปนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับชำระหนี้จากเงินขายทอดตลาดเมื่อมีการประนีประนอมยอมความและสัญญาขอผัดชำระเงิน
โจทก์ผู้ร้องขัดทรัพย์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า หากขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดไว้ได้เงินสุทธิเท่าใดให้โจทก์มีสิทธิได้รับชำระหนี้ 2ใน 3 ส่วน เงินส่วนที่เหลือให้ผู้ร้องขัดทรัพย์รับไป เช่นนี้ ก็ต้องถือว่าเงินส่วนที่เหลือจาก 2 ใน 3 ส่วนของเงินสุทธิที่ขายทอดตลาดได้ตกเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เงินจำนวนนี้จึงไม่ใช่เงินของจำเลย
เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นผู้ซื้อทรัพย์ที่ยึดได้จากการขายทอดตลาดครั้งแรกในราคา 80,000 บาท แต่ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินมัดจำในการซื้อทรัพย์และได้ทำสัญญาขอผัดชำระเงินผลที่สุดได้ผิดสัญญาไม่นำเงินมาชำระและได้ยอมให้จัดการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ตามสัญญายอมรับผิดที่ทำไว้กับเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า หากการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนเท่าไร ผู้ร้องขัดทรัพย์ยอมใช้เงินให้เต็มจำนวนตามที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้รับซื้อไว้ครั้งก่อน ฉะนั้น เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ในราคา 61,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาขายครั้งแรกก็ต้องคิดส่วนได้ของโจทก์และค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดเต็มจำนวนเสมือนหนึ่งขายทอดตลาดได้ราคาเท่าการขายทอดตลาดครั้งแรกเงินส่วนได้ของผู้ร้องขัดทรัพย์จากการขายทอดตลาดครั้งหลังจึงต้องตกอยู่ในบังคับที่จะนำไปชดใช้ส่วนที่ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำไปนั้นด้วย
เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นผู้ซื้อทรัพย์ที่ยึดได้จากการขายทอดตลาดครั้งแรกในราคา 80,000 บาท แต่ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินมัดจำในการซื้อทรัพย์และได้ทำสัญญาขอผัดชำระเงินผลที่สุดได้ผิดสัญญาไม่นำเงินมาชำระและได้ยอมให้จัดการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ตามสัญญายอมรับผิดที่ทำไว้กับเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า หากการขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนเท่าไร ผู้ร้องขัดทรัพย์ยอมใช้เงินให้เต็มจำนวนตามที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้รับซื้อไว้ครั้งก่อน ฉะนั้น เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งหลังได้ในราคา 61,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาขายครั้งแรกก็ต้องคิดส่วนได้ของโจทก์และค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดเต็มจำนวนเสมือนหนึ่งขายทอดตลาดได้ราคาเท่าการขายทอดตลาดครั้งแรกเงินส่วนได้ของผู้ร้องขัดทรัพย์จากการขายทอดตลาดครั้งหลังจึงต้องตกอยู่ในบังคับที่จะนำไปชดใช้ส่วนที่ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำไปนั้นด้วย