คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครองปรปักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์และมีชื่อผู้เยาว์ในโฉนด
ธ.เป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยธ.ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่ใส่ชื่อจำเลยผู้เยาว์ไว้ในโฉนดแทน แล้วได้ขายที่ดินและตึกพิพาทให้โจทก์แม้ธ.จะขายให้โจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ทำให้สิทธิการได้มาของโจทก์เสียไป เพราะจำเลยเพียงแต่มีชื่อในโฉนดเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทน ธ.เท่านั้น หาใช่ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยผู้เยาว์ไม่ หลังจากที่โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทจาก ธ. ธ.ไม่อาจโอนให้ได้เพราะโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ก็มิได้มีการตกลงกันเรื่องการโอนทางทะเบียนอีกเป็นการแน่นอนว่าจะโอนกันหรือไม่เมื่อใด โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ใช้เป็นสำนักงานสาขาสำเพ็ง ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ เสียค่าภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือนเอง แจ้งให้ผู้ตรวจการธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้งว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งยังทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบทั้งยังขออนุมัติรื้อถอนตัวอาคารเมื่อย้ายสำนักงานสาขาไปตั้งยังที่แห่งใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็อนุมัติแสดงว่าทั้งโจทก์และนายธรรมนูญไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ถือได้ว่านายธรรมนูญสละการครอบครองทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยเด็ดขาด การครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ หาใช่ครอบครองตามสัญญาจะซื้อขายไม่ เมื่อเกินสิบปีโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ ถือเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้น การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และระยะเวลาแห่งการครอบครองย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีการที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่ง ซึ่งจำเลยร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดว่าเจ้าของที่ดินยกที่ดินให้จำเลยพร้อมกับมอบโฉนดให้และจำเลยครอบครอง ทำประโยชน์ติดต่อกันมาอย่างเป็นเจ้าของประมาณ15 ปีแล้วซึ่งเป็นความเท็จย่อมเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2721/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นข้อสำคัญในคดีอาญา
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์นั้นการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และระยะเวลาแห่งการครอบครองย่อมเป็นข้อสำคัญในคดีการที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่งซึ่งจำเลยร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดว่าเจ้าของที่ดินยกที่ดินให้จำเลยพร้อมกับมอบโฉนดให้และจำเลยครอบครองทำประโยชน์ติดต่อกันมาอย่างเป็นเจ้าของประมาณ15 ปีแล้ว ซึ่งเป็นความเท็จย่อมเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การครอบครองปรปักษ์ที่ดิน ประเด็นเดียวกันกับคดีถึงที่สุดแล้ว
ผู้ร้องเคยเป็นโจทก์ฟ้องผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องและ ท.ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ผู้ร้องกลับมายื่นคำร้องขอเป็นคดีนี้อีกว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแปลงเดิมโดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยไว้ในคดีก่อนแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งเพื่อครอบครองปรปักษ์ เป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา
ที่ดินโฉนดเลขที่ 77 เป็นกรรมสิทธิ์รวมของ ส. ห. และ ม.ต่อมาบุคคลทั้งสามขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ที่ 1 และ จ. จำเลยที่ 1 ไม่ได้ซื้อที่ดินดังกล่าวจาก ส. และไม่ได้ครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของในฐานะผู้ซื้อ การที่จำเลยที่ 1 เบิกความต่อศาลแพ่งในคดีแพ่งว่า ส. ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 77 ให้แก่จำเลยที่ 1 ในราคา 70,000 บาทชำระเงินเรียบร้อยแล้ว และได้เข้าครอบครองมา 20 ปีเศษเพื่อให้ศาลแพ่งมีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 โดยการครอบครองปรปักษ์คำเบิกความของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดี
ฟ้องของโจทก์บรรยายว่า คำเบิกความของจำเลยในคดีแพ่งเป็นข้อสำคัญในคดีและคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อ จึงมีคำสั่งให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 77 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1เป็นการบรรยายให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร พอที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมและการบังคับคดีแก่บริวาร: คำพิพากษาคดีครอบครองปรปักษ์ยันได้ถึงเจ้าของรวมและภริยา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนเรือนออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นที่ดินในเขตโฉนดของจำเลยหากจำเลยครอบครองล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์เมื่อปรากฏว่าที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยจึงเป็นการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์พิพากษาให้จำเลยรื้อห้องแถวและบ้านของจำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาดังกล่าวจึงใช้ยันผู้ร้องได้ทั้งการที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยและเป็นภริยาจำเลยในระหว่างที่โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950-953/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ การครอบครองแทนผู้ชนะคดี และอายุความครอบครองปรปักษ์
เดิมจำเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ว.ออกจากที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของฉ. ภริยา ว.ไม่ใช่ของจำเลย ที่3 และที่ 5 คดีถึงที่สุดแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งหกว. และ ฉ. ก็ยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4และที่ 6 อาศัยสิทธิจำเลยที่ 3 และที่ 5 ปลูกสร้างอยู่อาศัยในที่พิพาทด้วย ต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทจากฉ. และฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกให้ออกไปจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การครอบครองที่พิพาทของจำเลยหลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ชนะคดี จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งหกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ฉ.
ตามคำให้การจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนไปยังผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เพื่อการเริ่มต้นนับระยะเวลาแย่งการครอบครองโดยมิชอบตามมาตรา1375 เป็นประเด็นไว้จำเลยที่ 3 และที่ 5 จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉ.เจ้าของผู้ครอบครองที่พิพาทคนเดิมและโจทก์ผู้รับโอนซึ่งสิทธิและหน้าที่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินโดยพินัยกรรมและการครอบครองปรปักษ์ สิทธิในที่ดินเมื่อพินัยกรรมไม่ชัดเจน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ข้อ 1 ความว่า "ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่แล้วที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งได้กำหนดไว้ดังต่อไปนี้คือ" ต่อจากนั้นได้ระบุที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 15 ไร่ 1 งาน57 ตารางวา ข้อ 2 ความว่า 'ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่คณะกรรมการอำเภอและขอตั้งให้ น. (โจทก์) เป็นผู้จัดการมรดกข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ"ข้อ 3 ความว่า "ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ กรมการอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงตามความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้กรมการอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ จึงลงชื่อไว้ต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานเป็นสำคัญ" ถัดลงมาเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนกับบันทึกของกรมการอำเภอ ดังนี้ พินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เพราะไม่มีข้อความว่าผู้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้โจทก์ แม้ตามคำร้องของผู้ทำพินัยกรรมที่ยื่นต่อนายอำเภอจะมีข้อความว่า ผู้ร้อง (ผู้ทำพินัยกรรม) ประสงค์จะทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์ให้โจทก์ก็ตาม คำร้องฉบับนี้มิใช่พินัยกรรมจึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยพินัยกรรม
อย่างไรก็ดีเป็นที่เข้าใจว่า จ. ยกที่พิพาทให้โจทก์เมื่อตนถึงแก่กรรมจึงปรากฏว่าเมื่อจ.ตาย จำเลยก็เลิกทำนาพิพาท ฝ่ายโจทก์คงทำนาพิพาทต่อมาหนึ่งปีแล้วให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับตั้งแต่ จ.ตายตลอดมาโดยเจตนายึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ขัดแย้งกัน: การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดิน สิทธิในที่ดินต้องเป็นไปตามคำพิพากษาศาลสูงกว่า
ในคดีก่อนศาลฎีกาพิพากษาว่า ผู้ร้องได้โอนขายที่ดินพิพาทนี้ให้ผู้คัดค้านไปแล้ว และที่ผู้ร้องอ้างว่าครอบครองปรปักษ์โดยไม่ได้ขายให้ผู้คัดค้านก็เท่ากับเป็นการครอบครองที่ดินของตนเอง ไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์ ในคดีหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โดยผู้ร้องปกปิดไม่ให้ศาลทราบถึงข้อเท็จจริงที่เคยฟ้องผู้คัดค้านไว้ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีก่อน คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหลังนี้และคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีก่อนนั้นขัดกัน และต่างก็เป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาที่มีผลเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทรายเดียวกัน อันถือว่าเป็นการปฏิบัติชำระหนี้อันแบ่งแยกจากกันมิได้ จึงต้องถือตามคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 146
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาในคดีก่อนดังกล่าวข้างต้น เป็นคำวินิจฉัยในประเด็นเรื่องครอบครองปรปักษ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3081/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์และการลักทรัพย์จากที่ดินนั้น
การที่ผู้เสียหายและจำเลยตกลงแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน แม้ว่าจะยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินก็ตาม แต่ผู้เสียหายและจำเลยต่างก็เข้าครอบครองที่ดินที่แลกเปลี่ยนกันนั้นเป็นสัดส่วนแล้วเป็นเวลาประมาณ 20 ปี ผู้เสียหายย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่แลกเปลี่ยนโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ปี จำเลยได้ขอแลกเปลี่ยนที่ดินคืนตามเดิมแต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมแสดงว่าจำเลยยอมรับสิทธิครอบครองของผู้เสียหายเหนือที่ดินซึ่งเคยเป็นของจำเลย การที่จำเลยเอาผลมะพร้าวจากต้นมะพร้าวที่ขึ้นอยู่ในที่ดินซึ่งผู้เสียหายครอบครองไป จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต มีความผิดฐานลักทรัพย์
of 138