พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีอาญา: การงดสืบพยานและไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมเป็นคำสั่งที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่ไม่มาศาลตามนัดและไม่อนุญาตให้โจทก์อ้างพยานเพิ่มเติมนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 196 หาใช่กรณีที่เข้าตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18หรือ 24 ไม่
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คู่ความฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล การจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นในท้ายอุทธรณ์
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งเอกสารอุทธรณ์ ถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งให้นำส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ใน 15 วันแต่คู่ความฝ่ายอุทธรณ์ไม่ทำการนำส่งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรแล้ว ย่อมถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังได้มาโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ผู้ครอบครองขอคำสั่งศาลแสดงกรรมสิทธิ์ได้
พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 มาตรา 14และกฎกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกตาม พระราชบัญญัตินี้ข้อ 1 ว่าผู้ขอจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์แล้วตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินพร้อมด้วยคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ฉะนั้นการที่ผู้ครอบครองที่ดินจนได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว แม้ที่ดินนั้นจะมีชื่อผู้อื่นในโฉนด ผู้ครอบครองก็ย่อมจะยื่นคำร้องต่อศาลอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนั้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องผู้มีชื่อในโฉนดนั้นมาเป็นจำเลยอย่างคดีมีข้อพิพาท แต่ถ้าผู้มีชื่อในโฉนดร้องคัดค้านเข้ามา ศาลก็ย่อมสั่งว่าคดีกลายเป็นมีข้อพิพาทให้เสียค่าธรรมเนียมและดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาทตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 ข้อ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี: โอกาสโต้แย้งคำสั่งและสิทธิในการสืบพยาน
คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อนจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่โต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา: ต้องมีคำสั่งศาลอนุญาตก่อน จึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
การฟ้องคดีอาญานั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ แต่ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องที่ร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ ฉะนั้นเพียงแต่ผู้เสียหายร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมศาลสั่งเพียงว่า"สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด" พอถึงวันนัด จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ตัดสินคดีไปทีเดียว ถือว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ยื่นคำให้การภายหลังขาดนัด ไม่อาจอุทธรณ์ฎีกาได้
การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่ศาลได้ไต่สวนตามคำขอของจำเลยและสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้โดยเห็นว่ามีเหตุอันสมควรนั้น หากโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งที่อนุญาตนั้นไว้แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยกความข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกาตาม มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เพียงแต่โจทก์ยื่นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดนั้นหาถือว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลที่สั่งในภายหลังตามนัยดังกล่าวไม่
เพียงแต่โจทก์ยื่นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดนั้นหาถือว่าเป็นการโต้แย้งคำสั่งศาลที่สั่งในภายหลังตามนัยดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหลังศาลสั่งไม่บังคับตามสัญญาประณีประนอม การฟ้องร้องต้องดำเนินตามคำสั่งศาลเดิม
โจทก์ฟ้องจำเลยขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน แล้วตกลงทำสัญญาประณีประนอมยอมความยอมให้โจทก์ไถ่ถอนได้ภายในกำหนด 2 เดือน ศาลพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดแล้วโจทก์ไม่นำเงินไปขอไถ่ถอน เพิ่งจะเอาเงินไปขอไถ่ถอนภายหลังจำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอนโจทก์ไปร้องต่อศาล ๆ สั่งไม่บังคับให้ แต่โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล กลับนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้อีก ดังนี้ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหลังศาลสั่งไม่บังคับตามยอม โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่ง ไม่ใช่ฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยขอไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมให้โจทก์ไถ่ถอนได้ภายในกำหนด 2 เดือน ศาลพิพากษาตามยอม ครั้นครบกำหนดแล้ว โจทก์ไม่นำเงินไปขอไถ่ถอน เพิ่งจะเอาเงินไปขอไถ่ถอนภายหลัง จำเลยจึงไม่ยอมให้ไถ่ถอน โจทก์ไปร้องต่อศาลศาลสั่งไม่บังคับให้ แต่โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาล กลับนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ถอนที่ดินแปลงนี้อีก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการเคลือบคลุมของฟ้อง ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลสั่งไปแล้วว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งนี้ ภายในกำหนด ทั้งมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้