พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,822 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากคดีปล่อยสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำเจ้าพระยา: ศาลฎีกายกเลิกค่าชดใช้ที่ไม่ชัดเจน
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษจำนวนเท่าใดทั้งมิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายส่วนนี้จำนวนเท่าใดและไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวจำนวนเท่าใดจึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้การที่ศาลล่างกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมเจ้าท่าจึงไม่ถูกต้องแม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตามเนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดต่อสิ่งแวดล้อมต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยแม้จำเลยมิได้ฎีกา
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องมาว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใดมิได้ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายส่วนนี้จำนวนเท่าใดและข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่ากรมเจ้าท่าได้เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษเป็นจำนวนเท่าใดจึงไม่อาจกำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้แก่กรมเจ้าท่าได้แม้ปัญหาข้อนี้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตามเนื่องจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอค่าเสียหายต้องระบุในฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่มีการขอ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาเกินคำขอได้
โจทก์ฎีกาในเรื่องค่าเสียหาย แต่ฎีกาโจทก์มิได้มีคำขอให้ใช้ค่าเสียหายด้วย ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้จึงไม่รับวินิจฉัย
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6273/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดต่อความสูญเสียความสามารถในการทำงาน แม้เป็นลูกจ้างชั่วคราว
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2เฉียวชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกตัดเท้าขวาทิ้ง แม้โจทก์เป็นลูกจ้างชั่วคราวตามระเบียบราชการไม่จำเป็นต้องจ้างจนอายุครบ 60 ปี แต่ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่โจทก์เสียความสามารถในการประกอบการงานในเวลาอนาคตโจทก์จึงมีสิทธิเรียกจากจำเลยทั้งสองได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 444 วรรคหนึ่งแม้จะไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์สามารถทำงานได้จนอายุ 60 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6249/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากอายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นคดีต่างหาก
ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นสั่งอายัดที่ดินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์ มูลหนี้ตามฟ้องแย้งเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นไปตามบทบัญญัติของ ป.วิ.พ. ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากจากคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยจักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6249/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากอายัดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นคดีต่างหากจากฟ้องเดิม
ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นอายัดที่ดินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์มูลหนี้ตามฟ้องแย้งเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นไปตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากจากคำฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมชอบที่จำเลยจักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันค่าเสียหาย: การผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น หากเป็นการค้ำประกันค่าเสียหาย ไม่ใช่หนี้ที่มีกำหนดเวลา
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลาอันมีกำหนดแน่นอน แต่การที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกันจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่ 2 ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น มิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลา อันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่ 2 จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้: การผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น หากเป็นการค้ำประกันค่าเสียหาย ไม่ใช่หนี้ตามกำหนด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา700การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนแต่การที่จำเลยที่2ค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่2ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้นมิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่2จึงไม่หลุดพ้นจากการรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6237/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันค่าเสียหายจากลูกจ้าง: การผ่อนเวลาชำระหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น หากไม่ใช่หนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา700การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนแต่การที่จำเลยที่2ค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่2ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้นมิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่2จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6144/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยต้องรับผิดซ่อมเรือชำรุดตามสัญญา และชดใช้ค่าเสียหายจากการใช้งานไม่ได้
เอกสารหมายล.3ที่จำเลยอ้างเป็นเพียงสำเนาภาพถ่ายเอกสารซึ่งไม่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจรับรองได้รับรองถูกต้องแล้วหรือโจทก์ตกลงว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวถูกต้องแล้วทั้งไม่ปรากฏว่าต้นฉบับเอกสารไม่ได้เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นจึงไม่อาจรับฟังสำเนาภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวได้ โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยต่อเรือตรวจการและรับเรือแล้วแต่เรือชำรุดเสียหายโจทก์ได้ว่าจ้างบุคคลภายนอกซ่อมแซมเป็นเงิน1,159,330บาทและเรือพิพาทชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้จนถึงวันซ่อมเสร็จประมาณ4ปีเสียหายเป็นเงิน300,000บาทดังนี้เมื่อเรือพิพาทชำรุดบกพร่องเป็นเหตุให้เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์ที่โจทก์มุ่งจะใช้ตามปกติจำเลยซึ่งเป็นผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา595ประกอบด้วยมาตรา472