พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินเนื่องจากการฉ้อฉลต้องเกิดขณะที่มีหนี้สินอยู่ก่อน มิเช่นนั้นขาดสิทธิเรียกร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 3 โอนให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรชายโดยไม่มีค่าตอบแทนและเป็นการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 แต่ตามคำร้องมิได้บรรยายว่าลูกหนี้ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้รายใดเสียเปรียบ จึงต้องถือว่าผู้ร้องขอให้เพิกถอนการโอนซึ่งจะทำให้โจทก์เสียเปรียบรายเดียวเท่านั้น และการร้องขอตามบทกฎหมายดังกล่าวจะต้องได้ความว่าลูกหนี้ต้องเป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ก่อน หรือขณะที่ลูกหนี้ทำนิติกรรมอันจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เพิ่งเป็นหนี้โจทก์หลังจากได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้คัดค้านไปแล้วถึง 3 ปี ขณะที่จำเลยที่ 3 โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 3 ผู้ร้องไม่มีสิทธิจะร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.ม.248 เมื่อโต้แย้งกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ไม่ได้รับการแก้ไขโดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
ทรัพย์สินที่พิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท และจำเลยต่อสู้ว่าอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิของมารดาซึ่งมีสิทธิดีกว่าโจทก์มิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 จำเลยฎีกาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ แม้จะเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายแต่การวินิจฉัยจะต้องอาศัยข้อเท็จจริง เพื่อวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลฟังเป็นยุติแล้วว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัยอยู่และต้องห้ามฎีกา เพื่อสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายนั้น มีผลเป็นอย่างเดียวกับการฎีกา ในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ข้อตกลงกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้ามีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ มิใช่การเรียกราคาทรัพย์ที่ยังขาด
ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า เมื่อเจ้าของยึดทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนมาแล้วนำออกขาย หากได้เงินไม่พอชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และค่าเช่าซื้อคงเหลือ ผู้เช่าซื้อยอมชำระเงินจำนวนที่ยังขาดอยู่จนครบ เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญา มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ โดยเฉพาะข้อความที่ว่า หากเอาทรัพย์ที่เช่าซื้อออกขายได้เงินไม่พอชำระค่าเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยอมชำระเงินจำนวนที่ยังขาดอยู่จนครบก็เป็นเพียงวิธีการคำนวณหาจำนวนเบี้ยปรับเท่านั้น มิใช่เป็นการเรียกร้องเอาราคาทรัพย์ที่เช่าซื้อที่ยังขาดอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงแรมรับผิดชอบรถหาย แม้ผู้พักไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เพราะถือเป็นการพาทรัพย์สินเข้าโรงแรม
รถยนต์ไม่ใช่ของมีค่าพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 675 วรรคสอง แขกผู้มาพักจึงไม่ต้องแจ้งให้เจ้าสำนักโรงแรมทราบว่านำรถยนต์เข้าจอดในโรงแรมวันเวลาใด การที่แขกผู้มาพักนำรถยนต์มาจอดไว้ ณ ที่จอดรถของโรงแรม ถือได้ว่าเป็นการพาทรัพย์สินมาที่โรงแรมแล้ว เมื่อรถยนต์สูญหายไปเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดตามมาตรา 674
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องสอดเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้จากการหลอกลวงและปกป้องทรัพย์สินจากหนี้สินที่ถูกสร้างขึ้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปแก่โจทก์ สหกรณ์ผู้ร้องร้องสอดว่า ในขณะที่จำเลยที่ 1ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ของผู้ร้องได้ทุจริตเบียดบังเอาเงินของผู้ร้องไป ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อเรียกเงินคืนคดีอยู่ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันได้สมคบกับโจทก์แสดงเจตนาลวงทำสัญญากู้ยืมเงินแกล้งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามฟ้อง เพื่อมิให้ผู้ร้องบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ ขอให้พิพากษาว่าสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นโมฆะ เป็นเรื่องที่ผู้ร้องมีความจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่เพื่อให้ได้รับชำระหนี้ไม่ให้จำเลยทั้งสองโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงร้องสอดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินจากผู้อื่นโดยไม่ทราบแหล่งที่มาที่ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ถูกลักไป ไม่ถือเป็นการละเมิด
ทรัพย์ของโจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลักไป จำเลยทั้งสองได้ ขายทรัพย์นั้นและมอบเงินที่ได้ให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 แต่คดีฟังไม่ได้ ว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้รับเงินไว้โดยรู้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้มา จากการขายทรัพย์ของโจทก์ที่ถูกลักไป ทั้งไม่ถือว่าเงินนั้นเป็น ของโจทก์เพราะไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด การกระทำของ จำเลยที่ 3ที่ 4 จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิ เรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ที่ 4.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินจากผู้อื่นโดยไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำผิด ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกับพวกลักทรัพย์ของโจทก์ไปจำหน่ายและจำนำ และจำเลยที่ 2 นำเงินที่ได้จากการนี้บางส่วนไปฝากธนาคารต่อมาจำเลยที่ 2 ถอนเงินจำนวน 100,000 บาท และ 64,721.25 บาทมาให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารในนามจำเลยที่ 3 ที่ 4ตามลำดับ แล้วจำเลยที่ 4 มอบเงินที่รับมาให้จำเลยที่ 3 ไปอีก50,000 บาท แต่จำเลยที่ 3 ที่ 4 รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้โดยไม่รู้ว่า จำเลยที่ 2 ได้มาจากการขายทรัพย์ของโจทก์ที่ถูกลักไปและเงินจำนวนนั้นก็ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดการที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้ จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และแม้เป็นเงินที่ได้มาจากการขายทรัพย์สินของโจทก์ที่ถูกลักไป ก็จะถือว่าเป็นเงินของโจทก์มิได้เพราะมิใช่ตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ถูกลักไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 3 ที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินจากบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 35 มิได้มุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนได้ ตาม ป.อ. มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: รายการทรัพย์สินไม่เคลือบคลุมหากสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ฉ. ซึ่งเป็นบิดาโจทก์ แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์สินของ ฉ.กับจำเลยซึ่งเป็นภริยาใหม่ของฉ. ที่มีอยู่ในระหว่างอยู่กินร่วมกันมีอะไรบ้าง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะรายการทรัพย์สินของผู้ตายเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้
ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ จึงมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้โดย สิ้นเชิงตามป.พ.พ. มาตรา 291 แม้ว่าจำเลยที่ 1 จะมีลูกหนี้ร่วม คนอื่นก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ดินที่ได้ โอนขายให้จำเลยที่ 2ที่ 3 ไป และขณะโอนขาย จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ทราบดีว่าจำเลยที่ 1เป็นหนี้โจทก์และไม่มีทรัพย์สินอื่นพอ ชำระหนี้โจทก์ โจทก์ย่อมขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมอันเป็นการฉ้อฉล โจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 237.