คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงตัดสิทธิการฟ้องร้องเป็นโมฆะ สัญญาอนุญาโตตุลาการไม่ตัดสิทธิฟ้อง
เมื่อมีหนี้จะต้องรับผิดเกิดขึ้นแล้วคู่กรณีย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลได้ การตกลงตัดสิทธิไม่ให้นำคดีมาสู่ศาลย่อมเป็นโมฆะ ข้อตกลงเช่นนี้ไม่มีผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องร้องสิทธิเก็บกิน: ใช้หลักทั่วไป 10 ปี หากไม่ได้ครอบครองตั้งแต่แรก
ตั้งแต่จำเลยจดทะเบียนสิทธิเก็บกินสวนพิพาทให้โจทก์ตลอดชีวิต โจทก์ ไม่เคยเข้าครอบครองและไม่เคยให้สิทธิเก็บกินเลยตลอดมา เป็นเวลา 7 - 8 ปี แล้ว โจทก์ก็ยังฟ้องขอให้บังคับจำเลยตามสิทธินี้ได้ คดีเช่นนี้มีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ไม่ใช่อายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1374, 1375 หรือ 1428

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบคดีให้พนักงานอัยการฟ้องร้อง ไม่จำต้องมีเอกสารแสดงอำนาจ
ในคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ความชัดตามฟ้องและชั้นพิจารณาว่า เจ้าทุกข์ผู้เสียหายได้แจ้งความมอบคดีต่อเจ้าพนักงานให้จัดการฟ้องร้องจำเลยได้ ก็เป็นการปฏิบัติชอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) แล้ว ไม่จำต้องแสดงต่อศาลถึงเอกสารการมอบอำนาจหรือมอบคดีให้อัยการฟ้องร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ส่งทรัพย์โดยขู่ฟ้องร้อง
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.303 และประมวลกฎหมายอาญา ม.337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ย ก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่า จำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446-447/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาต้องเป็นไปตามปกติ ไม่ใช่ความเสียหายไกลเกินเหตุ ศาลไม่อาจบังคับใช้ค่าเสียหายที่ไม่ได้รับการฟ้องขอ
สัญญายอมความในคดีก่อนมีความว่า เมื่อปลูกสร้างโรงภาพยนต์เสร็จแล้วจำเลยจะจัดให้โจทก์ได้เช่าตั้งร้านขายเครื่องดื่มที่หน้าโรงภาพยนต์นั้น ตามสัญญาไม่ได้ระบุว่าที่ ๆ จะจัดให้โจทก์เช่านั้นจะต้องเป็นห้องใช้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างใด คงเพียงแต่จะจัดที่เพื่อตั้งร้านขายเครื่องดื่มหน้าโรงภาพยนต์เท่านั้น เมื่อจำเลยผิดสัญญายอมความแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายที่ไปเซ้งห้องผู้อื่นเพื่ออยู่อาศัยและประกอบการค้าเพียงประการเดียวเช่นนี้ เป็นการไกลกว่าเหตุ ไม่ใช่เป็นค่าเสียหายซึ่งตามปกติย่อมเกิดขึ้นแก่การผิดสัญญาอันโจทก์พึงจะได้ตามกฎหมาย
ค่าเสียหายที่โจทก์ควรจะได้ในการผิดสัญญารายนี้ก็คือค่าขาดประโยชน์ที่เคยได้จากการเช่าขายเครื่องดื่มอยู่เดิม หรือที่จะได้เช่าใหม่ตามสัญญายอมความนั้น แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายในข้อนี้อย่างใดเลย และเพราะเหตุที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องตั้งประเด็นเรียกค่าเสียหายอันควรจะได้ตามกฎหมายดังกล่าวมานี้ ศาลก็ไม่อาจจะกำหนดค่าเสียหายในข้อนี้ให้โจทก์ตามสมควรได้ เพราะว่าเป็นการนอกประเด็นตามคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าที่ดินเพิ่มขึ้นหลังคืนที่ดินตามคำพิพากษาเดิม ไม่ขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงเดิม ศาลรับวินิจฉัยได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ยกที่พิพาทตีใช้หนี้ให้โจทก์แล้ว ต่อมาจำเลยได้กลับเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย ขอให้รับชำระหนี้ที่บิดาจำเลยกู้มา และคืนที่พิพาทที่มอบไว้ให้ทำประโยชน์ ศาลตัดสินให้โจทก์คืนที่พิพาท โดยวินิจฉัยว่ายังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์จึงเรียกค่าที่ดินเพิ่มขึ้นเพราะที่โจทก์ได้ทำการปลูกมะพร้าวและผลอาสินลงในที่พิพาท ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวข้อเท็จจริงขัดกันอย่างไร ศาลรับวินิจฉัยคำฟ้องของโจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดขอบเขตการฟ้องร้องตามคำบรรยายฟ้อง การวินิจฉัยนอกประเด็นฟ้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์ข้อ 3 บรรยายว่า "บัดนี้โจทก์ทราบว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่า โดยเอาตึกที่เช่านี้บางส่วนไปให้เช่าช่วง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์จึงไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป โจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยดังสำเนาท้ายคำฟ้อง จำเลยรับทราบแล้วไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงจำต้องมาขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง" ดังนี้ เห็นได้ว่า โจทก์ยกเหตุเช่าช่วงเป็นข้ออ้างขอให้ศาลขับไล่ หาได้ยกเหตุอื่นใด (สิทธิบอกเลิกการเช่าอย่างสัญญาเช่าธรรมดา) เป็นข้ออ้างไม่ ข้อวินิจฉัยของศาลล่างที่นอกเหนือจากประเด็นเช่าช่วง จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การฟ้องบังคับทำสัญญาจึงไม่สมบูรณ์
การที่โจทก์ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาจดทะเบียนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่า ได้ชำระเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าให้จำเลยไปแล้วนั้นหากโจทก์จะได้ชำระจริงก็ดี ได้ตกลงกันร่างสัญญาเช่าขึ้นแล้วก็ดีก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิในเรื่องนี้ดีขึ้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการบริษัทมีหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง ปกปิดข้อมูลทำให้บริษัทเสียหาย ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้
โจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยและเป็นเจ้าของที่ดินและตึกซึ่งบริษัทจำเลยเช่าอยู่ โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อ โดยมีเงื่อนไขเป็นสาระสำคัญว่า โจทก์รับรองจะให้บริษัทจำเลยออกจากตึกและให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ถ้าโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติได้ โจทก์ยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นเงิน 160,000 บาท โจทก์ได้แจ้งให้บริษัทจำเลยออกจากที่ดินและตึกภายใน 3 เดือน ก่อนครบกำหนด 3 เดือน เพียง 1 วัน โจทก์จึงได้แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า ถ้าโจทก์ส่งมอบที่ดินและตึกให้แก่ผู้ซื้อไม่ได้ตามกำหนด โจทก์จะถูกผู้ซื้อเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ถือว่าโจทก์เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยมีหน้าที่จะต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1167 โจทก์กลับปกปิดความจริงเรื่องที่จะต้องถูกผู้ซื้อที่ดินและตึกเรียกค่าเสียหาย เพิ่งแจ้งให้บริษัททราบต่อเมื่ออีก 1 วันจะต้องถูกผู้ซื้อปรับ การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผิดวิสัยบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวังจะพึงปฏิบัติ ทำให้บริษัทจำเลยและผู้ถือหุ้นทั้งหลายต้องเสียหาย
โจทก์จะนำผลแห่งความละเมิดของตนมาฟ้องร้องเรียกเบี้ยปรับที่โจทก์ต้องเสียแก่ผู้ซื้อไปและค่าเสียหายอื่น ๆ จากบริษัทจำเลยหาได้ไม่
ค่าสินไหมทดแทนในการที่ผู้เช่าออกจากสถานที่เช่าเนิ่นช้า นั้น ตามธรรมดาควรจะเป็นจำนวนเท่ากับค่าเช่าเป็นรายวัน ส่วนค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้ นับว่าเป็นค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ ซึ่งผู้เช่าจะต้องรู้ถึงความเสียหายพิเศษนี้ในระยะเวลาอันสมควรก่อนที่ตกลงไว้ว่าจะออกจากสถานที่เช่า ผู้ให้เช่าจึงเรียกร้องค่าเสียหายในพฤติการณ์พิเศษนี้จากผู้เช่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า: ฟ้องเกิน 1 ปี ขาดอายุความ
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินพิพาทเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี นับแต่ที่ถูกแย่งการครอบครอง คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 วรรค 2
of 100