พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: คดีเช่าซื้อ vs. ละเมิด
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทแต่ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 เป็นการฟ้องให้โจทก์รับผิดต่อจำเลยที่ 2 เพราะโจทก์ทำละเมิดต่อจำเลยที่ 2 โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์นำรถยนต์พิพาทที่จำเลยที่ 1 เช่าซื้อจากโจทก์ ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 2 ไปขายทอดตลาดโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยินยอมทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิธีคุ้มครองชั่วคราว การละเมิด และการรื้อถอนทางกีดขวางทางเข้าออก
วิธีการชั่วคราวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (2) โจทก์จะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่า คำฟ้องที่โจทก์ยื่นและในโอกาสที่ยื่นคำขอนั้นมีเหตุสมควรและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตวรรคหนึ่ง (1) (2) และโจทก์ยังต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่า จำเลยทั้งสี่ตั้งใจจะกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิด การผิดสัญญา หรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้องตามมาตรา 255 ้รรคสาม (ก) อีกด้วย แม้ตามคำฟ้องที่โจทก์ยื่นและในโอกาสที่ยื่นคำขอนั้นข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันก่อสร้างทางเดินเท้าปิดทางเข้าออกสู่ถนนหลวงจนแล้วเสร็จไปก็ตาม แต่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาละเมิดอ้างว่า จำเลยก่อสร้างทางเดินเท้าปิดกั้นทางเข้าออกโรงสีข้าวของโจทก์สู่ถนนหลวงซึ่งเป็นทางเข้าออกมีอยู่ทางเดียว ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้ทางเข้าออกได้ตามปกติขอให้รื้อถอน ดังนี้ ตราบใดที่ทางเดินเท้านั้นยังคงมีอยู่ ก็ถือได้ว่ายังมีการกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตามที่ถูกฟ้องร้องนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีทางเข้าออกโรงสีอยู่ทางเดียว การก่อสร้างทางเดินเท้าตามฟ้องย่อมทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางเข้าออกโรงสีของโจทก์ได้ตามปกติ ส่วนปัญหาว่าที่ดินของโจทก์จะต้องด้วยข้อกำหนดเงื่อนไขให้เปิดทางได้หรือไม่เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันต่อไปในชั้นพิจารณากรณีมีเหตุสมควรและเหตุผลเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวตามที่โจทก์ขอมาใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองชั่วคราวกรณีถูกละเมิดด้วยการปิดกั้นทางเข้าออก การก่อสร้างทางเท้าแม้เสร็จแล้วก็ยังถือเป็นการกระทำซ้ำ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาละเมิดอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ก่อสร้างทางเดินเท้าปิดกั้นทางเข้าออกโรงสีข้าวของโจทก์สู่ถนนหลวงซึ่งเป็นทางเข้าออกมีอยู่ทางเดียวทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้ทางเข้าออกได้ตามปกติขอให้รื้อถอนดังนี้แม้จำเลยทั้งสี่จะได้ร่วมกันสร้างทางเดินเท้าปิดทางเข้าออกโรงสีของโจทก์จนแล้วเสร็จไปแล้วก็ตามแต่ตราบใดที่ทางเดินเท้านั้นยังคงมีอยู่ก็ถือได้ว่ายังมีการกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตามที่ถูกฟ้องร้องเมื่อโจทก์มีทางเข้าออกโรงสีอยู่ทางเดียวการก่อสร้างทางเดินเท้าย่อมทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางเข้าออกโรงสีของโจทก์ได้ตามปกติกรณีมีเหตุสมควรและเหตุผลเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวตามที่โจทก์ขอมาใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพของผู้ที่จ่ายแทนผู้อื่นที่ถูกละเมิด
เงินค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพให้แก่ผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถคันเกิดเหตุของโจทก์ แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปในการรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ และค่าจัดการศพผู้ตายที่โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ก็ตาม โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 นายจ้างของผู้ทำละเมิดชดใช้ไม่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดการศพแก่ผู้อื่นที่ถูกทำละเมิดเรียกร้องเอาค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้ทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลและจัดการศพจากละเมิด: ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดหากไม่ใช่การรับช่วงสิทธิ
เงินค่ารักษาพยาบาลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและค่าจัดการศพผู้ตายที่โดยสารมาในรถยนต์โดยสารของโจทก์ที่ถูกรถยนต์ของจำเลยชนที่โจทก์จ่ายไปตามระเบียบของบริษัทข.ที่โจทก์นำรถยนต์โดยสารเข้าร่วมบริการไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้ที่จ่ายที่จะเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดได้ทั้งกรณีไม่ใช่การรับช่วงสิทธิตามกฎหมายจำเลยจึงไม่ต้องชดใช้เงินดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการใช้ที่ดินของผู้อื่นเพื่อซ่อมแซมทรัพย์สิน และการฟ้องแย้งเรื่องละเมิดจากการรุกล้ำที่ดิน เป็นประเด็นต่างกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยด้านที่ติดต่อกับที่ดินโจทก์ทำการซ่อมแซมตึกโจทก์โจทก์ได้ซ่อมแซมด้านทิศตะวันตกไปแล้วแต่จำเลยไม่ยอมให้ซ่อมแซมด้านทิศเหนือขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเพียงที่จำเป็นในการซ่อมแซมตึกของโจทก์จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์กระทำละเมิดโดยสร้างกันสาดด้านเหนือและปลูกสร้างตึกด้านตะวันออกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยขอให้บังคับโจทก์รื้อถอนกันสาดและตึกพร้อมคานคอดินส่วนที่รุกล้ำออกไปดังนี้ตามคำฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิบังคับจำเลยยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเพียงที่จำเป็นในการซ่อมแซมตึกของโจทก์หรือไม่ส่วนฟ้องแย้งและคำให้การแก้ฟ้องแย้งเป็นกรณีต้องวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำละเมิดต่อจำเลยหรือไม่ประเด็นที่วินิจฉัยตามคำฟ้องและฟ้องแย้งจึงเป็นคนละเรื่องกันและมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันในการวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือเพลง ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุชื่อเพลงที่ละเมิด
โจทก์ฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรม ซึ่งตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521ได้ให้คำนิยามไว้ว่าหมายความรวมถึงหนังสือเพลงและโน้ตเพลงด้วยเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือเพลงและโน้ตเพลงและโจทก์ได้บรรยายชื่อหนังสือเพลงที่โจทก์จัดพิมพ์พร้อมทั้งปีที่จัดพิมพ์ แล้วได้ระบุชื่อหนังสือเพลงที่จำเลยจัดพิมพ์ขึ้นอันเป็นการละเมิดสิทธิ์ของโจทก์โดยกล่าวอ้างด้วยว่าในหนังสือเพลงของจำเลยได้ลอกเลียนเพลงที่โจทก์เรียบเรียงประมาณ 10 เพลง ย่อมเป็นการบรรยายฟ้องที่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับและข้ออ้างซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหาชอบด้วยบทบัญญัติมาตรา 172 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แล้ว หาจำต้องระบุชื่อเพลงที่อ้างว่าจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ เพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือเพลง ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อเพลงที่ละเมิดในคำฟ้อง หากบรรยายลักษณะงานละเมิดชัดเจน
ฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมซึ่งตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ได้ให้คำนิยามว่า หมายความถึงหนังสือเพลงและโน้ตเพลงด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์หนังสือเพลงและโน้ตเพลง และบรรยายชื่อหนังสือเพลงที่โจทก์จัดพิมพ์ พร้อมทั้งปีที่ได้พิมพ์แล้วได้ระบุชื่อหนังสือเพลงที่จำเลยจัดพิมพ์ขึ้น และกล่าวอ้างด้วยว่า ในหนังสือเพลงของจำเลยได้ลอกเลียนเพลงที่โจทก์เรียบเรียงประมาณ 10เพลง เป็นการบรรยายฟ้องที่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับและข้ออ้างซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหา ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้ว หาจำต้องระบุชื่อเพลงที่อ้างว่าจำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7465/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดเริ่มต้นเมื่อเกิดความเสียหายจากการยึดทรัพย์ ไม่ใช่เมื่อชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยทั้งสองใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12ประกาศยึดทรัพย์ของโจทก์โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532ทำให้โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อได้ ทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่วันนั้น หาใช่โจทก์เพิ่งจะได้รับความเสียหายในวันที่โจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อไม่ จึงเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2532
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7427/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้าและเจตนาในการหลอกลวงสาธารณชนเพื่อพิจารณาการละเมิดเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปใบหน้าคนทำครัวสวมหมวก มีมือข้างเดียวถือขวดโดยไม่มีส่วนแขน ลำตัว และเท้า แม้รูปส่วนของจำเลยจะประดิษฐ์ขึ้นแต่ก็มองได้ออกอย่างชัดเจน ว่าเป็นคน ส่วนของโจทก์เป็นรูปตัวการ์ตูนทรงกระบอกรูปขวด มีหมวก ตา ปาก มือ และลำตัว ซึ่งดัดแปลงมาจากขวดของน้ำมันพืช สำหรับเครื่องหมายการค้าส่วนที่เป็นตัวอักษร ส่วนของโจทก์เป็นอักษรไทยคำว่า กุ๊ก และอักษรโรมันคำว่า COOK เป็นอักษรเพียงพยางค์เดียว แต่ส่วนของจำเลยเป็นอักษรไทยคำว่ากุ๊กทอง มี 2 พยางค์ และอักษรโรมันคำว่า COLDENCOOK มี3 พยางค์ ลักษณะของเครื่องหมายการค้าที่จำเลยยื่นขอจดกับที่โจทก์จดทะเบียนเป็นเจ้าของไว้แล้วจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกันจนถึงนับได้ว่าเป็นการลวงสาธารณชน เพราะไม่ทำให้ประชาชนสับสนหรือเข้าใจผิดถึงแหล่งกำเนิดสินค้า นอกจากนั้นสินค้าของโจทก์มีเพียงชนิดเดียวคือ น้ำมันพืช ส่วนของจำเลยผลิตสินค้า ซอสถั่วเหลือง ซอสพริก น้ำปลา ซีอิ้วและเต้าเจี้ยวโดยไม่ได้ผลิตน้ำมันพืชแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาลวงสาธารณชนให้สับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยคือสินค้าของโจทก์