พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่ออธิบายเอกสารใบรับเงิน เพื่อยืนยันการชำระหนี้ด้วยเงินสดและเช็ค
โจทก์อาจนำพยานมาสืบว่าเอกสาร ล.1 ที่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ออกให้แก่จำเลยในการชำระหนี้ ว่าความจริงโจทก์ออกใบรับเงิน ล.1 ให้จำเลยจริงเพราะจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ครบ โดยชำระเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือชำระเป็นเช็ค 2 ฉบับ ซึ่งโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ จึงมาฟ้องให้จำเลยชดใช้ การสืบเช่นนี้ไม่เป็นการสืบแก้ไขเอกสาร เป็นการสืบอธิบายเอกสาร สืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่ออธิบายเอกสารใบรับเงิน ไม่ใช่การแก้ไขเอกสาร ย่อมทำได้
โจทก์อาจนำพยานมาสืบว่าเอกสาร ล.1 ที่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ออกให้แก่จำเลยในการชำระหนี้ว่าความจริงโจทก์ออกใบรับเงิน ล.1 ให้จำเลยจริงเพราะจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ครบโดยชำระเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือชำระเป็นเช็ค 2 ฉบับ ซึ่งโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้จึงมาฟ้องให้จำเลยชดใช้ การสืบเช่นนี้ไม่เป็นการสืบแก้ไขเอกสารเป็นการสืบอธิบายเอกสาร สืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบเพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ส่วนหนึ่งไม่สมบูรณ์บังคับได้ มิใช่การแก้ไขสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 15,000 บาท และว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามวันกำหนดบัดนี้ถึงวันกำหนดจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริง แต่กู้และรับเพียง 10000 บาท ที่เขียนในสัญญาเป็น 15000 บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก 5,000 บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะ ฟ้องร้องบังคับจำเลยไม่ด้
ตามฟ้องและคำให้การของจำเลยดังกล่าวฝ่ายจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วยเพราะมิใช่เป็นการสืบแก้สัญญา แต่เป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ศาลจึงไม่ควรด่วนงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษา แต่จะต้องให้สืบพยานกันต่อไปตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 วรรค 2.
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริง แต่กู้และรับเพียง 10000 บาท ที่เขียนในสัญญาเป็น 15000 บาทก็โดยโจทก์เจตนาคิดเอาดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้อีก 5,000 บาท สัญญากู้จึงเป็นโมฆะ ฟ้องร้องบังคับจำเลยไม่ด้
ตามฟ้องและคำให้การของจำเลยดังกล่าวฝ่ายจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ว่าโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราใน ก.ม.บวกไว้ในต้นเงินกู้ด้วยเพราะมิใช่เป็นการสืบแก้สัญญา แต่เป็นการสืบเพื่อให้เห็นว่าหนี้ส่วนนั้นไม่สมบูรณ์บังคับกันไม่ได้ ศาลจึงไม่ควรด่วนงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษา แต่จะต้องให้สืบพยานกันต่อไปตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลตาม ม.24 ป.วิ.แพ่ง: การชี้ขาดประเด็นก่อนสืบพยาน และขอบเขตการอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ จำเลยโต้แย้งว่าจำเลยได้กรรมสิทธิโดยทางครอบครอง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาด ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.24 ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม ม.24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ฎีกา.
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาด ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.24 ว่าคำให้การจำเลย จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของฉนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นนำสืบในข้อจำเลยมีเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่มีทางชนะคดี
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำให้การของจำเลยมีข้อต่อสู้ในข้อจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของส่วนหน้าที่นำสืบนั้นศาลสั่งชอบแล้ว
คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งตาม ม.24 ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อโต้แย้งความสมบูรณ์ของหนี้ตามสัญญา กู้ยืมเงินและการแก้ไข/ทำลายเอกสารตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกู้เงินไปตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยสู้ว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารสัญญากู้เพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินตามฟ้องได้ต่อเมื่อขายนาจำเลยจึงเซ็นนามไว้ในสัญญากู้ของโจทก์ก่อนแต่แล้วขายนาไม่ได้ ถือว่าจำเลยต่อสู้และจะขอสืบว่าหนี้ตามเอกสารสัญญากู้ไม่สมบูรณ์หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้นและการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์นี้ถือว่าเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสารเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง ม.94 วิ.แพ่ง โดยชัด เพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพื่อทำลายเอกสารสัญญากู้: การสืบเพื่อโต้แย้งความสมบูรณ์ของหนี้ตามสัญญาเป็นสิทธิที่ทำได้ตามมาตรา 94 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกู้เงินไปตามหนังสือสัญญากู้จำเลยสู้ว่าไม่ได้รับเงินตามเอกสารสัญญากู้เพราะเหตุโจทก์จะยอมให้จำเลยกู้เงินตามฟ้องได้ต่อเมื่อขายนาจำเลยจึงเซ็นนามไว้ในสัญญากู้ของโจทก์ก่อนแต่แล้วขายนาไม่ได้ถือว่าจำเลยต่อสู้และจะขอสืบว่าหนี้ตามเอกสารสัญญากู้ไม่สมบูรณ์หรือเพื่อทำลายเอกสารนั้นและการสืบว่าหนี้ไม่สมบูรณ์นี้ถือว่าเป็นการสืบที่ทั้งแก้ไขและทำลายเอกสารเข้าอยู่ในวรรคท้ายแห่ง มาตรา 94 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยชัดเพราะการสืบทำลายนั้นย่อมต้องมีการแก้ไขอยู่ในตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์มรดก และการสืบพยานที่ขัดแย้งต่อการให้การเดิม
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าเป็นของจำเลยแต่ลงชื่อผู้ตายไว้ในฐานะนิติกรรมอำพรางและปรากฏตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำให้การว่าจำเลยออกเงินซื้อในชั้นนำสืบจำเลยสืบว่าที่ทำเช่นนี้เพื่อปกปิดสามีดังนี้ไม่เป็นการสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์บางอย่างเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าทรัพย์เช่นว่านั้นไม่มีอยู่ที่จำเลย แต่ชั้นนำสืบจำเลยนำสืบว่าทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลย เช่นนี้ฟังไม่ได้เพราะเป็นการปิดบังเอาเปรียบโจทก์ในเชิงคดีทั้งๆ ที่จำเลยรู้ดีแล้วว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน
โจทก์ฟ้องว่าทรัพย์บางอย่างเป็นมรดกของผู้ตาย จำเลยให้การว่าทรัพย์เช่นว่านั้นไม่มีอยู่ที่จำเลย แต่ชั้นนำสืบจำเลยนำสืบว่าทรัพย์เหล่านี้ผู้ตายยกให้บุตรจำเลย เช่นนี้ฟังไม่ได้เพราะเป็นการปิดบังเอาเปรียบโจทก์ในเชิงคดีทั้งๆ ที่จำเลยรู้ดีแล้วว่าทรัพย์อยู่ที่ไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ต้องมีการพิสูจน์การบอกกล่าว หากไม่สืบพยาน ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าห้องพิพาทโจทก์ซื้อมาจากเจ้าของเดิมโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าว จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
ก่อนพิจารณาโจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์เป็นเจ้าของห้องพิพาทจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากโจทก์ จำเลยขายข้าวสาร น้ำปลาและของเบ็ดเตล็ดและอาศัยอยู่ในห้องพิพาทได้จดทะเบียนการค้าตามโจทก์อ้างจริง แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ดังนี้แม้ในฟ้องของโจทก์ได้กล่าวว่าได้บอกกล่าวจำเลยแล้วจำเลยมิได้รับตามฟ้อง จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความในเรื่องบอกกล่าวจึงจะมีอำนาจฟ้องแต่ศาลชั้นต้นกลับฟังว่าโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วจึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงเรื่องบอกกล่าวนอกพยานหลักฐานในสำนวน และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อ ก.ม.ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่ต้องห้ามฎีกา
อนึ่งโจทก์ก็มิได้คัดค้านในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ (เรื่องบอกกล่าว) จึงให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย.
ก่อนพิจารณาโจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์เป็นเจ้าของห้องพิพาทจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากโจทก์ จำเลยขายข้าวสาร น้ำปลาและของเบ็ดเตล็ดและอาศัยอยู่ในห้องพิพาทได้จดทะเบียนการค้าตามโจทก์อ้างจริง แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ดังนี้แม้ในฟ้องของโจทก์ได้กล่าวว่าได้บอกกล่าวจำเลยแล้วจำเลยมิได้รับตามฟ้อง จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความในเรื่องบอกกล่าวจึงจะมีอำนาจฟ้องแต่ศาลชั้นต้นกลับฟังว่าโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วจึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงเรื่องบอกกล่าวนอกพยานหลักฐานในสำนวน และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อ ก.ม.ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่ต้องห้ามฎีกา
อนึ่งโจทก์ก็มิได้คัดค้านในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ (เรื่องบอกกล่าว) จึงให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมในคดีล้มละลายเมื่อมีคำพิพากษาในคดีอาญาแล้ว
จำเลยกับพวกเคยถูกอัยการฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมิให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อกฎหมายให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมิให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อกฎหมายให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากพยานไม่มาศาล ศาลควรให้โอกาสจำเลยสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อความยุติธรรม
การที่พยานไม่มาศาลตามนัด โดยทนายไม่ทราบเหตุขัดข้องนั้นจะถือว่าเป็นความผิดของคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานนั้นยังไม่ได้ เพราะมีบทกฎหมายที่จะให้ตัวมาสืบอยู่ ศาลจึงควรให้เลื่อนคดีไป จะด่วนตัดไม่ให้สืบพยานที่ไม่มานั้นยังไม่ชอบ