คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8276/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน: เจตนาที่แท้จริงของผู้ให้ และขอบเขตการวินิจฉัยของศาล
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยได้รับโอนกรรมสิทธิ์มาจาก ป. ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยมีสิทธิอยู่อาศัยในที่ดินพิพาท มิได้อาศัยสิทธิของ ป. จำเลย ส.อ. และ ป.เป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาท แต่ให้ใส่ชื่อ ป.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนโจทก์ขอยืมโฉนดที่ดินจาก ป.และจำเลยเพื่อนำไปเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินจากธนาคาร และเพื่อความสะดวกในการดำเนินการจึงเปลี่ยนชื่อในโฉนดจาก ป. มาใส่ชื่อโจทก์แทน คดีจึงมีประเด็นพิพาทเพียงว่า การที่ ป.ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ป.ไม่มีเจตนาจะยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เพียงแต่ต้องการให้โจทก์ยืมโฉนดไปจำนองเท่านั้น ผลจึงมีว่า ป.ไม่ได้ให้ที่ดินแก่โจทก์ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยว่า ป.แสดงเจตนายกให้ตอนที่ ป.เบิกความต่อศาลอีก การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต่อไปว่า ในการสืบพยาน ป.เบิกความว่า ป.เต็มใจที่จะยกที่ดินพิพาทให้โจทก์แสดงว่าหลังจากนั้น ป.ได้เปลี่ยนใจยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ ซึ่งปรากฏว่า ป.ได้จดทะเบียนยกให้แก่โจทก์แล้วตั้งแต่ตอนแรก จึงไม่จำต้องไปจดทะเบียนการให้อีกถือว่าการให้สมบูรณ์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้นั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกประเด็นแห่งคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7622/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการมอบอำนาจจำนองย่อมรวมถึงการกู้ยืมเงิน หากบริบทสื่อความหมายเช่นนั้น
จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปทำสัญญากับโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจระบุว่า จำเลยได้มอบอำนาจให้ ล.เป็นผู้มีอำนาจจัดการจำนองที่ดินกับโจทก์จำนวนเงิน70,000 บาท ตาม น.ส.3 เลขที่ 997 แม้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะไม่มีข้อความระบุไว้โดยแจ้งชัดว่า จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปกู้ยืมเงินโจทก์ด้วยก็ตามแต่การที่จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปจำนองที่ดินแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท ก็ย่อมมีความหมายเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า จำเลยมอบอำนาจให้ ล. ไปกู้ยืมเงินโจทก์โดยเอาที่ดินดังกล่าวจำนองไว้เป็นประกันการชำระหนี้เงินกู้นั่นเอง หนังสือมอบอำนาจจึงมีความหมายอยู่ในตัวว่ารวมถึงการมอบอำนาจให้ ล. กู้ยืมเงินโจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: การครอบครองโดยไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของ และขอบเขตการพิพากษา
จำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่น บ้านจำเลยมีลักษณะเป็นการปลูกอย่างชั่วคราวไม่มีเลขบ้าน แสดงว่าอยู่ในลักษณะชั่วคราว มิได้ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
จำเลยทราบดีว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครอง เป็นความผิดฐานบุกรุก
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลดโทษและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ฎีกาซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงจำเลยในคดีที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกอสังหาริมทรัพย์: การครอบครองที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของ และขอบเขตการพิพากษา
จำเลยเข้าไปอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของผู้อื่นบ้านจำเลยมีลักษณะเป็นการปลูกอย่างชั่วคราวไม่มีเลขบ้านแสดงวาอยู่ในลักษณะชั่วคราวมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยทราบดีว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีผู้อื่นเป็นเจ้าของการที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทจึงเป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองเป็นความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลดโทษและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ฎีกาซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงจำเลยในคดีที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7423/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเข้าร่วมทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ถือมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายมีเรื่องโต้เถียงกับจำเลยที่ 6 ต่อมาจำเลยที่ 6 กับพวกรวมทั้งจำเลยที่ 5 วิ่งไล่ทำร้ายผู้เสียหายและเข้าทำร้ายผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นพวกผู้เสียหาย การเข้ากลุ้มรุมทำร้ายเช่นนี้ มิใช่ต่างคนมาพบและทำร้ายผู้ตายโดยลำพัง แต่มีเจตนาวิ่งไล่ตามทำร้ายผู้เสียหายมาด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วและเมื่อมีเจ้าพนักงานตำรวจมาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกัน ย่อมฟังว่าจำเลยทุกคนมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตาย เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากการร่วมกันทำร้ายนั้น แม้การกระทำของจำเลยที่ 5 จะไม่อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ก็ตาม จำเลยที่ 5ก็ย่อมต้องได้รับผลจากการตายของผู้ตายนั้นด้วย จำเลยที่ 5 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายแต่การร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 5 จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7423/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนาฆ่า ก็มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายมีเรื่องโต้เถียงกับจำเลยที่6ต่อมาจำเลยที่6กับพวกรวมทั้งจำเลยที่5วิ่งไล่ทำร้ายผู้เสียหายและเข้าทำร้ายผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นพวกผู้เสียหายการเข้ากลุ้มรุมทำร้ายเช่นนี้มิใช่ต่างคนมาพบและทำร้ายผู้ตายโดยลำพังแต่มีเจตนาวิ่งไล่ตามทำร้ายผู้เสียหายมาด้วยกันตั้งแต่แรกแล้วและเมื่อมีเจ้าพนักงานตำรวจมาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกันย่อมฟังว่าจำเลยทุกคนมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตายเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากการร่วมกันทำร้ายนั้นแม้การกระทำของจำเลยที่5จะไม่อาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ก็ตามจำเลยที่5ก็ย่อมต้องได้รับผลจากการตายของผู้ตายนั้นด้วยจำเลยที่5มิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายแต่การร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยที่5จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7214/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเจตนาการครอบครองที่ดินและผลกระทบต่อสิทธิของผู้รับโอน
พ.สามีจำเลยเคยถูก ส.ร้องทุกข์และกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ พ.ต่อสู้ว่าที่ดินที่ปลูกต้นไม้เป็นของ พ.ได้รับมาโดยทางมรดกมิได้อาศัยหรือเช่าที่ดินแปลงนั้นจากใคร ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า คดีไม่พอฟังว่าต้นไม้และที่ดินที่ปลูกต้นไม้เป็นของ ส. พิพากษายกฟ้อง คดีดังกล่าวถึงที่สุด จากข้อต่อสู้ของ พ.ในคดีดังกล่าวถือได้ว่า พ.ได้โต้แย้ง ส.ผู้มีชื่อเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทว่า พ.เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเท่ากับ พ. ได้เปลี่ยนเจตนาการครอบครองที่ดินพิพาทจากการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของ ส.มาเป็นการแย่งการครอบครองเพื่อตนเองแล้วตั้งแต่นั้น เมื่อ ส.ไม่ได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ส.ก็หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งสิทธิครอบครองที่พิพาทจาก พ.
การที่ ส.ขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์หลังจากที่ ส. หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนที่ดินพิพาทจาก พ. หรือจำเลยแล้ว แม้โจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทจาก ส.โดยสุจริตและจดทะเบียนการโอนต่อเจ้าหน้าที่โดยสุจริตก็ตาม โจทก์ในฐานะผู้รับโอนก็ย่อมจะไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7014/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการรับของโจร: ต้องรู้ว่าทรัพย์ได้มาจากการปล้นเพื่อลงโทษฉกรรจ์
แม้ในทางพิจารณาจะได้ความว่า การกระทำความผิดฐานรับของโจรของจำเลย ได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการปล้นทรัพย์ ซึ่งต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ในความผิดฐานรับของโจรตามมาตรา 357 วรรคสอง ก็ตาม แต่จะลงโทษจำเลยตามลักษณะฉกรรจ์ดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อได้ความว่า ในขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้อยู่แล้วว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ทั้งนี้ตามมาตรา 62 วรรคท้าย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ก่อนหรือขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้อยู่แล้วว่าทรัพย์ของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ คดีจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร อันต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ตามมาตรา 357 วรรคสอง ไม่ได้ การกระทำของจำเลยคงเป็นความผิดฐานรับของโจรทั่ว ๆ ไป ตามมาตรา 357 วรรคแรก เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้ยานพาหนะในการชิงทรัพย์ แม้เกิดภายหลังการกระทำ ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนี จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6981/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้รถเป็นยานพาหนะหลบหนีหลังชิงทรัพย์ ถือความผิด ม.340 ตรี แม้คืนรถภายหลัง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของ ส. ไปซื้อส้มตำจากผู้เสียหายแม้จำเลยเพิ่งมีเจตนาชิงทรัพย์ผู้เสียหายขณะเห็นผู้เสียหายกำลังตำส้มตำ แต่ในขณะนั้นจำเลยย่อมทราบดีว่าเมื่อกระทำความผิดแล้วจำเลยต้องใช้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นยานพาหนะในการหลบหนีจำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าไม่มีเจตนาใช้รถจักรยานยนต์พาทรัพย์ที่ชิงได้มานั้นไปหรือพาตนเองให้พ้นจากการจับกุม ส่วนการที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปคืนที่บ้าน ส. ก็เป็นเรื่องหลังจากจำเลยกระทำความผิดสำเร็จแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
of 408