พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,539 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5916/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เพื่อขายทรัพย์สิน: ไม่ถือว่าเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายอื่น
จำเลยยอมชำระหนี้ตามเช็คจำนวน 70,000 บาทให้แก่ผู้คัดค้านเพราะถูกผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้ยื่นฟ้องต่อศาล จำเลยยอมทำสัญญาประนีประนอมกับผู้คัดค้าน และยอมชำระหนี้จำนวนดังกล่าว มิฉะนั้นจำเลยไม่อาจทำนิติกรรมขายบ้านของตน ให้ กับบุคคลภายนอกได้ เนื่องจากผู้คัดค้านใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ดังนี้มิใช่กรณีที่จำเลยมุ่งประสงค์ให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5916/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์: ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายอื่น
จำเลยยอมชำระหนี้ตามเช็คจำนวน 70,000 บาท ให้แก่ผู้คัดค้านเพราะถูกผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้ยื่นฟ้องต่อศาล อันเป็นผลบังคับให้จำเลยยอมทำสัญญาประนีประนอมกับผู้คัดค้าน ยอมชำระหนี้จำนวนดังกล่าว มิฉะนั้นจำเลยไม่อาจทำนิติกรรมขายบ้านของตนให้กับบุคคลภายนอกได้ เนื่องจากผู้คัดค้านใช้มาตราการทางกฎหมายขอให้ศาลทำการไต่สวนฉุกเฉินและยึดบ้านหลังนี้ไว้ก่อน อันเป็นวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จึงมิใช่กรณีที่จำเลยมุ่งประสงค์ให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจขอให้ศาลเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5662/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการนำทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นหลักประกันหนี้สิน โดยแสดงข้อความเท็จต่อเจ้าหนี้
จำเลยเบิกความในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่า บ้านที่โจทก์นำยึดเป็นของบิดาจำเลยแสดงว่าจำเลยรู้มาแต่แรกแล้วว่า บ้านไม่ใช่ของจำเลย การที่ จำเลยนำบ้านดังกล่าวประกันเงินกู้โจทก์โดยระบุในสัญญากู้ ว่าเป็นบ้านของจำเลย จึงเป็นการหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดง ข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้โจทก์ยอมให้จำเลย กู้เงินและส่งมอบเงินที่กู้ให้ การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดฐานฉ้อโกง ปัญหาอายุความความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ การที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่า บ้านที่จำเลยนำไปประกันเงินกู้โจทก์นั้นเป็นบ้านของจำเลยหรือของบิดาจำเลยจึงต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อคดีร้องขัดทรัพย์ถึงที่สุดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เช็คก่อนล้มละลาย: มูลหนี้เกิดก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้
ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ จำเลยที่ 3 ขอยืมเงินจากเจ้าหนี้ และมอบเช็คให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้โดยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่าย ถือว่ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 3 รับเงินไปและมอบเช็คให้แก่เจ้าหนี้ยึดถือไว้วันที่ที่เจ้าหนี้ลงในเช็คเป็นเพียงวันที่กำหนดจ่ายเงินตามเช็คที่เกิดจากมูลหนี้เดิมเท่านั้น หนี้ตามเช็คเกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย มาตรา 94.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ระยะเวลา 3 เดือน, เจ้าหนี้, คู่สัญญา, มุ่งหมายให้ได้เปรียบ
คำว่า 'ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย' ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 หมายถึง ก่อนวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย หาใช่ก่อนวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานให้ศาลทราบถึงผลการประชุมเจ้าหนี้เพื่อศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายตามมาตรา 61 ไม่
การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่งทันทีที่คู่กรณีตกลงทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องปฏิบัติชำระต่อกัน ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านตกลงซื้อขายที่ดินและตึกแถวพิพาทกับจำเลย ผู้คัดค้านในฐานะผู้ซื้อจึงมีหนี้ที่จะต้องชำระราคาแก่จำเลยผู้ขายและจำเลยก็มีหนี้ที่จะต้องชำระคือโอนทรัพย์สินที่ตกลงซื่อขายนั้นแก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่จะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามความหมายของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 แล้ว
ผู้คัดค้านซึ่งได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ถือเป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายทรัพย์สินพิพาทให้ผู้คัดค้านในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย และจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องพิจารณาว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่
การซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่งทันทีที่คู่กรณีตกลงทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องปฏิบัติชำระต่อกัน ดังนั้น เมื่อผู้คัดค้านตกลงซื้อขายที่ดินและตึกแถวพิพาทกับจำเลย ผู้คัดค้านในฐานะผู้ซื้อจึงมีหนี้ที่จะต้องชำระราคาแก่จำเลยผู้ขายและจำเลยก็มีหนี้ที่จะต้องชำระคือโอนทรัพย์สินที่ตกลงซื่อขายนั้นแก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่จะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามความหมายของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 แล้ว
ผู้คัดค้านซึ่งได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ถือเป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายทรัพย์สินพิพาทให้ผู้คัดค้านในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย และจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องพิจารณาว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย: ระยะเวลา 3 เดือน, เจ้าหนี้, และเจตนาให้ได้เปรียบ
คำร้องของผู้ร้องได้บรรยายว่า จำเลยได้โอนขายที่ดินและตึกแถวให้แก่ผู้คัดค้านในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลายขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าว ดังนี้ เป็นคำร้องที่บรรยายแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอเข้าใจได้แล้ว เพราะที่ผู้ร้องบรรยายว่า "ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย" มีความหมายว่าวันที่มีการขอให้ล้มละลายคือวันที่โจทก์ฟ้องขอให้ล้มละลายนั่นเอง คำร้องของผู้ร้องจึงไม่เคลือบคลุม คำว่า "ก่อนมีการขอให้ล้มละลาย" ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 115 หมายถึง ก่อนวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย หาใช่ก่อนวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานให้ศาลทราบถึงผลการประชุมเจ้าหนี้เพื่อศาลพิพากษาให้ลูกหนี้หรือจำเลยล้มละลายตาม มาตรา 61 ไม่ เมื่อจำเลยโอนทรัพย์สินเมื่อวันที่5 มีนาคม 2523 นับถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลาย จึงอยู่ในระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย ซึ่งอาจมีการร้องขอให้เพิกถอนการโอนนั้นได้ การซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง ทันทีที่คู่กรณีตกลงทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีหนี้ที่จะต้องปฏิบัติต่อกัน ผู้คัดค้านในฐานะผู้ซื้อมีหน้าที่จะต้องชำระราคาแก่จำเลยผู้ขาย และจำเลยมีหนี้ที่จะต้องชำระคือโอนทรัพย์สินที่ตกลงซื้อขายนั้นแก่ผู้คัดค้าน ฉะนั้นผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ตามความหมายของ พ.ร.บ. ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 ผู้คัดค้านได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทจากจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้คัดค้านจึงเป็นคู่สัญญากับลูกหนี้โดยตรง มิใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 116 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พุทธศักราช 2483เมื่อจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ได้โอนขายทรัพย์พิพาทให้ผู้คัดค้านในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย และจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่นของจำเลย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนให้โดยไม่ต้องพิจารณาว่า ผู้คัดค้านได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากฉ้อฉล เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องได้แม้ยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ตามสัญญากู้ระบุเอาบ้านพิพาทเป็นประกันต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระหนี้จึงตกลงจะไปจดทะเบียนโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 กลับทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนโอนบ้านพิพาทแก่จำเลยที่ 2 นิติกรรมดังกล่าวจำเลยที่ 1 กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ และจำเลยที่ 2 ซื้อบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
เจ้าหนี้ผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลไม่จำต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด.
เจ้าหนี้ผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลไม่จำต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการซื้อขายบ้านที่เป็นการฉ้อฉล เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องได้แม้หนี้ยังไม่ถึงกำหนด
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ตามสัญญากู้ระบุเอาบ้านพิพาทเป็นประกันต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระหนี้จึงตกลงจะไปจดทะเบียนโอนบ้านพิพาทแก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 กลับทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนโอนบ้านพิพาทแก่จำเลยที่ 2 นิติกรรมดังกล่าวจำเลยที่ 1 กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ และจำเลยที่ 2 ซื้อบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
เจ้าหนี้ผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลไม่จำต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด.
เจ้าหนี้ผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลไม่จำต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินค่าหุ้นของสมาชิกสหกรณ์ แม้มีข้อบังคับภายใน สิทธิยังผูกพันเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
แม้เงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองจะเป็นเงินทุนของสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องและข้อบังคับของสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องมีว่า สมาชิกมีสิทธิลาออกได้ไม่ว่าเวลาใดและผู้ร้องจะต้องคืนเงินค่าหุ้นให้สมาชิกไปทันที เว้นแต่สมาชิกนั้นเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ผู้ร้องจะหักเงินค่าหุ้นไว้ก่อน เหลือเท่าใดก็คืนให้สมาชิกไปก็ตาม เมื่อจำเลยทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินค่าหุ้นคืนได้และข้อบังคับดังกล่าวมิใช่กฎหมายแต่เป็นเรื่องที่สหกรณ์ผู้ร้องจัดวางระเบียบบริหารงานภายในระหว่างสมาชิกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 มาตรา 4 ข้อบังคับดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสอง โจทก์ขอให้ศาลอายัดเงินค่าหุ้นของจำเลยทั้งสองที่มีอยู่ในสหกรณ์ ฯ ผู้ร้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินค่าหุ้นของสมาชิกสหกรณ์ แม้มีข้อบังคับภายใน ไม่ผูกพันเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
แม้สหกรณ์ออมทรัพย์ผู้ร้องจะได้ออกระเบียบข้อบังคับว่าเงินค่าหุ้นที่จำเลยทั้งสองส่งชำระเป็นทุนไว้ว่าจำเลยจะเรียกคืนได้ต่อเมื่อลาออกจากสมาชิกหรือมีการเลิกสหกรณ์ฯ แต่ข้อบังคับดังกล่าว ก็เป็นเพียงระเบียบภายใน มิใช่กฎหมาย ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินค่าหุ้นที่จำเลยมีอยู่ในสหกรณ์ฯ ได้.