พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมรดก, อายุความคดีมรดก, และการครอบครองปรปักษ์: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการแบ่งมรดก
เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ว. ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลโจทก์ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้ามรดกได้เบิกความในคดีดังกล่าวว่า หากโจทก์มีส่วนได้รับมรดกโจทก์ก็เอา หรือจะให้แก่บุตรโจทก์ก็แล้วแต่ผู้จัดการมรดกเห็นสมควร การที่โจทก์เบิกความดังกล่าวไม่เป็นการสละมรดกเพราะคำเบิกความดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบ ไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 แต่เป็นเพียงคำพูดแนะนำผู้จัดการมรดกตามมารยาทเท่านั้น ว. เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล แต่ยังจัดการมรดกไม่เสร็จก็ตายเสียก่อน จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกแทนและยังจัดการไม่เสร็จ โจทก์ซึ่งเป็นทายาทก็ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกเป็นคดีนี้ การที่ ว. ก็ดี จำเลยก็ดีซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการ ถือว่าครอบครองแทนทายาท มีหน้าที่ต้องแบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทถือได้ว่าทายาทได้ครอบครองทรัพย์มรดกแล้วตราบเท่าที่ยังอยู่ในระหว่างจัดการมรดกฉะนั้น คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ (อ้างฎีกาที่ 1589/2509) ข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้คู่ความยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาได้แม้จะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 นั้นจะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบส่วนข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยไม่ได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงนอกกระบวนพิจารณาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (อ้างฎีกาที่1211/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ทำตามแบบ การครอบครองปรปักษ์ และการพิพากษาเรื่องค่าเสียหาย
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน จำเลยขายบ้าน 2 หลัง และส่งมอบให้โจทก์เข้าครอบครองอาศัยตลอดมา โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงว่าคู่กรณีมิได้มีเจตนาที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายมาแต่แรกการซื้อขายจึงตกเป็นโมฆะและจะถือว่าการซื้อขายบ้านหลังที่ 2 ซึ่งโจทก์ยังค้างชำระเงิน เป็นสัญญาจะซื้อขายก็ไม่ได้ เพราะโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ซื้อบ้านจากจำเลยเด็ดขาดมาแต่แรกแล้วแม้การซื้อขายเป็นโมฆะแต่โจทก์ครอบครองบ้านหลังแรกอย่างเป็นเจ้าของถึงวันฟ้องเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์บ้านหลังแรกโดยการครอบครองปรปักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่จำกัดว่าผู้ร้องต้องครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาล และคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียงคำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้องตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้น เป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้ว เพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนสิทธิต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแสดงกรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองขณะยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้ร้องจะต้องเป็นผู้ครอบครอง อสังหาริมทรัพย์อยู่ในขณะยื่นคำร้องขอต่อศาลและคำสั่งของศาล ที่แสดงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องขอนั้น ก็เป็นเพียง คำสั่งที่รับรองว่าการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้อง ตามที่ได้ครอบครองมาแล้วนั้นเป็นผลให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์แล้วเพื่อที่ผู้ร้องจะได้นำคำพิพากษา ไปจดทะเบียนสิทธิ ต่อเจ้าพนักงานที่ดินต่อไปเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์และการเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต
ก.ยกที่ดินโฉนดตราจองให้โจทก์และจำเลยที่ 1 คนละครึ่งแต่ทำสัญญาจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินทั้งโฉนด ต่อมาโจทก์และจำเลยที่ 1 มีกรณีพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็รู้เห็น แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังทำสัญญาซื้อขายรับโอนโฉนดตราจองดังกล่าวจากจำเลยที่ 1ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต เมื่อโจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองและยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยทั้งสองได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง และขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายได้ตามมาตรา 1300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับชำระหนี้จากการครอบครองปรปักษ์ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินของตนให้จำเลยที่2 ขณะที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดนั้นให้โดยการครอบครองปรปักษ์ การครอบครองปรปักษ์นั้นมิได้ก่อให้เกิดหนี้แก่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงกฎหมายรับรองหรือให้สิทธิโจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นเท่านั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีหนี้จะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสอง จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองระหว่างคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน หากมีคำขอทุเลาการบังคับคดี
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องคืนสิทธิ การครอบครองระหว่างดำเนินคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ดังนี้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินเมื่อมีการโต้แย้งสิทธิครอบครองปรปักษ์ ศาลรับฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันล้อมรั้วตามคันสวนซึ่งจำเลยทำรุกล้ำเข้ามาในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทำลายคันสวนและรื้อรั้วออกไป จำเลยให้การว่าได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 20 ปีเศษ จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ และฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย คดีจึงมีข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยแท้จริงหากฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่จำเลยได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินเมื่อมีการโต้แย้งสิทธิครอบครองปรปักษ์ ศาลรับได้เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันล้อมรั้วตามคันสวนซึ่งจำเลยทำรุกล้ำเข้ามาในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทำลายคันสวนและรื้อรั้วออกไป จำเลยให้การว่าได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 20 ปีเศษจึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยคดีจึงมีข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยแท้จริงหากฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้แก่จำเลยได้ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมโดยตรง