พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8759/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาบังคับคดี 10 ปีนับจากวันคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่ใช่วันที่ศาลมีคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่สร้างผิดกฎหมาย โดยพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2526 ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2526ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2526ได้มีการส่งคำบังคับโดยการปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 1 กันยายน2526 ต่อมาวันที่ 8 มกราคม 2535 โจทก์ยื่นคำขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี และได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 27 มกราคม2535 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ออกประกาศลงวันที่ 25 มิถุนายน 2536 ว่าจะทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในวันที่ 5 กรกฎาคม 2536 และหรือในวันต่อ ๆ ไปจนกว่าจะทำการแล้วเสร็จถือได้ว่าเป็นการดำเนินการบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวแล้วซึ่งเป็นเวลาภายในกำหนด 10 ปี และเจ้าพนักงานบังคับคดีจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในวันที่ 5 กรกฎาคม 2536และหรือวันต่อ ๆ ไปก็ทำได้จนกว่าจะเสร็จ บทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 ที่ว่า ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง หมายความว่า นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8759/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาบังคับคดี 10 ปี เริ่มนับจากวันคดีถึงที่สุด ไม่ใช่วันมีคำพิพากษา
บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ที่ว่า นับแต่วันมีคำพิพากษา หมายความว่า วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2526 ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 147 วรรคสอง โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2526 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกคำบังคับและได้มีการส่งคำบังคับให้จำเลยโดยการปิดคำบังคับเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2526 ต่อมาวันที่8 มกราคม 2535 โจทก์ยื่นคำขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและได้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2535เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ออกประกาศลงวันที่ 25 มิถุนายน 2536ว่าจะทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำพิพากษาในวันที่5 กรกฎาคม 2536 และหรือในวันต่อ ๆ ไปจนกว่าจะทำการแล้วเสร็จแสดงว่า โจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ได้ประกาศว่าจะทำการบังคับคดีโดยการรื้อถอนอาคารตามประกาศลงวันที่ 25 มิถุนายน 2536 อันเป็นการดำเนินการบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวแล้วซึ่งเป็นเวลาภายในกำหนด 10 ปีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 271 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8447/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิกรมสรรพากรขอเฉลี่ยหนี้ภาษีอากรค้างในคดีบังคับคดี แม้ไม่ใช่หนี้ตามคำพิพากษา และระยะเวลาการยื่นคำขอ
กรมสรรพากรมีสิทธินำหนี้ภาษีอากรค้างมายื่นขอเฉลี่ยในคดีที่มีการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคสามได้ ถึงแม้มิใช่หนี้อันเกิดจากคำพิพากษาก็ตาม ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2534 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2534 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสี่มิใช่ต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8211/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามสัญญาประนีประนอม และขอบเขตการฟ้องเรียกค่าเสียหายหลังผิดสัญญา
คดีเดิมเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากทรัพย์สินที่เช่าเพราะครบกำหนดตามสัญญาเช่า ทั้งโจทก์สงวนสิทธิเรียกค่าเสียหายไว้ด้วย แต่ต่อมาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าต่อไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2532 จำเลยยอมเสียค่าเช่าให้แก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท ศาลได้พิพากษาตามยอม เมื่อจำเลยผิดสัญญาประนี-ประนอมยอมความโดยพ้นวันที่ 31 กรกฎาคม 2532 แล้วจำเลยไม่ยอมออกจากทรัพย์สินที่เช่าและไม่ยอมเสียค่าเช่า โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลยในคดีก่อน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายเป็นคดีนี้ ประเด็นเรื่องฟ้องซ้ำ ฟ้องซ้อนและดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8211/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำหลังผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ต้องใช้สิทธิบังคับคดีในคดีเดิม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากทรัพย์สินที่เช่าเพราะครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว ทั้งโจทก์สงวนสิทธิเรียกค่าเสียหายไว้ด้วย ต่อมาโจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2532 จำเลยยอมเสียค่าเช่าให้แก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท ศาลได้พิพากษาตามยอม เมื่อจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความโดยพ้นวันที่ 31 กรกฎาคม 2532แล้วจำเลยไม่ยอมออกจากทรัพย์สินที่เช่าและไม่ยอมเสียค่าเช่าโจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลยในคดีก่อนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายเป็นคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินที่โอนโดยสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ได้ แม้ชื่อในโฉนดไม่ใช่ลูกหนี้
ทรัพย์ที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีเป็นที่ดินมีโฉนดเมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่จำเลยได้จดทะเบียนโอนให้แก่บุตรของจำเลยโดยสมยอมทำให้โจทก์เสียเปรียบและโจทก์ยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรายนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดที่ดินดังกล่าวการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดการเพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา283วรรคสามตอนท้ายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้วเพียงมีผลทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีความรับผิดในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกจากการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบความรับผิดย่อมตกอยู่แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้นตามมาตรา284วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, และขอบเขตการบังคับคดีตามคำฟ้อง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา196วรรคสองการเปลี่ยนเงินให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินณสถานที่และในเวลาที่ใช้เงินอัตราแลกเปลี่ยนเงินหมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนกันโดยเสรีซึ่งคิดโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ที่ขายเงินตราของต่างประเทศเป็นเงินตราของประเทศในกรุงเทพฯเป็นเกณฑ์และเพื่อความสะดวกแก่การบังคับคดีจึงให้คิดในวันที่มีคำพิพากษาของศาลถ้าไม่มีอัตราการขายในวันดังกล่าวก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราการขายนั้นก่อนวันพิพากษาแต่ทั้งนี้โจทก์ก็ไม่อาจรับชำระเงินจากจำเลยเกินกว่าจำนวนเงินตามคำขอท้ายฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7888/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีหลังชำระค่าปรับ: อัยการไม่มีหน้าที่บังคับคดีทรัพย์สิน
ในระหว่างฎีกา ปรากฏว่าผู้ประกันจำเลยได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาล และได้ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลดค่าปรับให้คดีถึงที่สุดและผู้ประกันจำเลยได้ชำระค่าปรับต่อศาลชั้นต้นถูกต้องครบถ้วนแล้วศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดการบังคับคดีและคืนหลักประกัน ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาพนักงานอัยการที่ว่า พนักงานอัยการไม่มีหน้าที่ดำเนินการบังคับคดีโดยไปนำยึดหรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปนำยึดทรัพย์สินของผู้ประกันจำเลย จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7888/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่พนักงานอัยการในการบังคับคดีตามสัญญาประกัน: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำกัดเฉพาะการร้องขอออกหมายบังคับคดี ไม่รวมถึงการยึดทรัพย์
ในระหว่างฎีกาปรากฏว่าผู้ประกันจำเลยได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาลและได้ยื่นคำร้องขอลดค่าปรับซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งลดค่าปรับให้คดีถึงที่สุดและผู้ประกันจำเลยได้ชำระค่าปรับต่อศาลชั้นต้นถูกต้องครบถ้วนแล้วศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดการบังคับคดีและคืนหลักประกันดังนั้นปัญหาตามฎีกาพนักงานอัยการที่ว่าพนักงานอัยการไม่มีหน้าที่ดำเนินการบังคับคดีโดยไปนำยึดหรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปนำยึดทรัพย์สินของผู้ประกันจำเลยจึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7824/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการบังคับคดีตามคำพิพากษา: ไถ่ถอนจำนองก่อนโอนทรัพย์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีตามลำดับ
คำพิพากษาที่บังคับให้จำเลยที่2ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินกับธนาคารแล้วให้จำเลยที่1ไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์ที่2จำนวนสามในสี่ส่วนหากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและหากจำเลยที่1และที่2ไม่สามารถโอนให้โดยปลอดค่าภาระติดพันก็ให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่2นั้นเป็นการกำหนดให้จำเลยที่1และที่2กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับเมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองจำเลยที่2สามารถปฏิบัติได้แต่จำเลยที่2ไม่ยอมปฏิบัติโจทก์ที่2ก็ชอบที่จะไถ่ถอนจำนองแล้วขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่2ในส่วนที่จำเลยที่2ต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้โจทก์ที่2จะขอบังคับคดีให้ขายทอดตลาดที่ดินแล้วนำเงินที่ขายได้แบ่งให้โจทก์ที่2ตามส่วนอันเป็นการบังคับคดีที่ไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาหาได้ไม่เพราะเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271ประกอบด้วยมาตรา302วรรคแรกและมิใช่เป็นเรื่องที่อยู่ในบังคับแห่งข้อยกเว้นที่ศาลจะมีคำสั่งได้ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา144(5)