คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรับรองบุตรต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด มิเช่นนั้นศาลยกฟ้อง
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรนั้นจะมีได้แต่ในกรณีที่แจ้งไว้ตาม ป.พ.พ. ม.1529
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องใจความว่า "ข้าพเจ้ากับจำเลยได้เสียเป็นสามีภรรยากันเอง ฯลฯ" ดังนี้ไม่เข้าเกณฑ์ตาม ม.1529(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีคอมมิวนิสต์ แต่ไม่มีหลักฐานเรื่องอั้งยี่ ศาลยกฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องว่ามีผู้ตั้งสมาคมปกปิดวิธีการ เพื่อการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯลฯ จำเลยรู้แล้วเข้าเป็นสมาชิกและอุดหนุนให้ที่พักอาศัยที่ประชุมชักชวนคนเข้าเป็นสมาชิก ให้เงินเสบียงอาหาร ฯลฯ โดยยืนยันซ้ำว่าเพื่อการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไม่อ้างถึงอั้งยี่เลยแม้จะอ้าง มาตรา180 มาด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องที่จะลงโทษตาม มาตรา180 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การระบุเวลาทำผิดเป็นสาระสำคัญของฟ้อง หากศาลยกฟ้องเพราะขาดรายละเอียดนี้ การฟ้องใหม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ป.วิ.อ. ม.158 (5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดี เพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในใบฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญาหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ระบุรายละเอียดสำคัญ ทำให้เกิดคำพิพากษาเด็ดขาด
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัสศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดีเพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลไม่สามารถลงโทษตามข้อหาเดิมได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม กฎหมายอาญา มาตรา 249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม มาตรา 253 ไม่ได้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ แม้การทำร้ายต่อเนื่อง ศาลยกฟ้องฆาตกรรม
ได้ความว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายบิดจำเลย ๆ เข้าห้ามโดยไม่มีอาวุธติดตัว ผู้ตายตามไปจะทำร้ายจำเลย จนจำเลยถอยหนีไปจนมุมไม่มีทางหนีไปอีกแล้วพอดีจำเลยพบมีดวางอยู่ จึงเอามีดกวัดแกว่งและร้องห้ามผู้ตายไม่ให้เข้ามา ผู้ตายยังขืนเข้าไปจึงถูกมีดที่หน้าผาก ผู้ตายไม่ล้มเอามือซ้ายปิดท้ายทอยส่วนมือขวายังถือมีดเงื้อง่าอยู่ จำเลยเอามีดเหวี่ยงไปอีกทีหนึ่งถูกท้ายทอยแล้วโดดหนี ผู้ตายอยู่ต่อมา 5-6 วันก็ตายเพราะบาดแผลนั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้วินิจฉัยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ เพราะการกระทำของจำเลยทั้ง 2 ครั้งเป็นการกระทำต่อเนื่องในขณะเดียวกัน การที่ผู้ตายถูกฟันครั้งแรก จะให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะเช่นนั้นคาดหมายว่าผู้ตายได้รับบาดเจ็บเพียงไรและจะหวนกลับมาทำร้ายอีกหรือไม่ย่อมไม่ได้และที่จำเลยเหวี่ยงมีดไปยังท้ายทอยอีก 1 ทีเป็นการกระทำเพื่อให้โอกาสจำเลยหลีกพ้นจากภัยอันผู้ตายเป็นผู้ก่อแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ต้องมีการพิสูจน์การบอกกล่าว หากไม่สืบพยาน ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าห้องพิพาทโจทก์ซื้อมาจากเจ้าของเดิมโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าว จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
ก่อนพิจารณาโจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์เป็นเจ้าของห้องพิพาทจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากโจทก์ จำเลยขายข้าวสาร น้ำปลาและของเบ็ดเตล็ดและอาศัยอยู่ในห้องพิพาทได้จดทะเบียนการค้าตามโจทก์อ้างจริง แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ดังนี้แม้ในฟ้องของโจทก์ได้กล่าวว่าได้บอกกล่าวจำเลยแล้วจำเลยมิได้รับตามฟ้อง จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความในเรื่องบอกกล่าวจึงจะมีอำนาจฟ้องแต่ศาลชั้นต้นกลับฟังว่าโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วจึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงเรื่องบอกกล่าวนอกพยานหลักฐานในสำนวน และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อ ก.ม.ไม่ใช่ข้อเท็จจริงไม่ต้องห้ามฎีกา
อนึ่งโจทก์ก็มิได้คัดค้านในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ (เรื่องบอกกล่าว) จึงให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่ายังคงมีอยู่ แม้ศาลยกฟ้องคดีขับไล่ สั่งบังคับคดีให้ปฏิบัติตามสัญญาเดิมได้
ศาลล่างพิพากษาต้องกันให้ขับไล่จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีต่อมาภายหลังศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ที่ดินที่พิพาทยังว่างเปล่าอยู่ เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าสภาพแห่งหนี้ยังเปิดช่องให้ศาลบังคับคดีให้โจทก์ยอมให้จำเลยเข้ามาปลูกสร้างในที่เช่าที่พิพาทได้ ไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายละเอียดฟ้องต่างจากข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ไม่ถึงขั้นต้องยกฟ้องอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสโดยจำเลยใช้มือชกถูกแก้มและเตะถูกขากรรไกรซ้ายหัก ดังนี้แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยเตะผู้เสียหายขากรรไกรขวาหักต่างกับฟ้องจริงก็ดี ข้อเท็จจริงเป็นแต่เพียงรายละเอียดของฟ้องไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งฟ้อง ไม่ถึงกับต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชื่อผู้เสียหายในฟ้องผิดพลาด ไม่ถือเป็นข้อเท็จจริงต่างกันถึงขั้นยกฟ้อง
ในฟ้องพิมพ์ชื่อผู้เสียหายว่าโกกะ แสงประดิษฐ์ ครั้นศาลสอบผู้เสียหายแถลงว่าชื่อโก๊ะ แสงประดิษฐฺ์ ดังนี้เมื่อไม่ผิดตัวผู้เสียหายเป็นแต่กล่าวชื่อผิดเพี้ยนไปเป็นข้อเล็กน้อยปลีกย่อย หาใช่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับที่กล่าวในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้องได้ไม่
of 164