คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธปืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,022 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนผิดกฎหมายและการยกเว้นโทษตาม พรบ.อาวุธปืนฯ โดยจำเลยอ้างว่าอาวุธปืนสูญหาย
จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้ว ต่อมาเมื่อคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ ฉบับที่ 4(พ.ศ.2510) ออกมาให้ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย นำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 90 วัน จึงจะได้รับการยกเว้นโทษ เมื่อจำเลยได้ทำอาวุธปืนกระสุนปืนสูญหายเสียในวันเกิดเหตุ จึงไม่มีอาวุธปืน กระสุนปืนผิดกฎหมายไปจดทะเบียนขออนุญาต ฉะนั้นจำเลยย่อมไม่ได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกเว้นโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน (ฉบับที่ 4) กรณีอาวุธสูญหาย
จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต. ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้ว. ต่อมาเมื่อคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ ฉบับที่ 4(พ.ศ.2510) ออกมาให้ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย. นำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 90 วัน. จึงจะได้รับการยกเว้นโทษ. เมื่อจำเลยได้ทำอาวุธปืนกระสุนปืนสูญหายเสียในวันเกิดเหตุ. จึงไม่มีอาวุธปืน. กระสุนปืนผิดกฎหมายไปจดทะเบียนขออนุญาต. ฉะนั้นจำเลยย่อมไม่ได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจของศาลในการลดโทษและรอการลงโทษคดีอาวุธปืน เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่อาจฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษดังกล่าวไว้มีกำหนด 3 ปี กรณีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจศาลในการลดโทษและรอการลงโทษในคดีอาวุธปืน จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษดังกล่าวไว้มีกำหนด 3 ปี กรณีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนที่ยังไม่ได้โอนทะเบียน: ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด
จำเลยรับซื้ออาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องไว้จากผู้อื่น แต่มิได้จัดการโอนมาเป็นของตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงคงมีความผิดแต่ในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีจากนายทะเบียนท้องที่เท่านั้น ส่วนปืนของกลางไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินอันมีไว้เป็นความผิด อันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนที่ถูกต้องแต่ไม่ได้โอนทะเบียน ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องริบ
จำเลยรับซื้ออาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องไว้จากผู้อื่นแต่มิได้จัดการโอนมาเป็นของตนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงคงมีความผิดแต่ในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีจากนายทะเบียนท้องที่เท่านั้น ส่วนปืนของกลางไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินอันมีไว้เป็นความผิด อันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปืนที่มีทะเบียนโดยไม่แจ้งโอน การพิพากษาคดีอาวุธปืนและคำสั่งริบ
จำเลยรับซื้ออาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องไว้จากผู้อื่น. แต่มิได้จัดการโอนมาเป็นของตนให้ถูกต้องตามกฎหมาย. จึงคงมีความผิดแต่ในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีจากนายทะเบียนท้องที่เท่านั้น. ส่วนปืนของกลางไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินอันมีไว้เป็นความผิด อันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38-39/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกข่มขู่ด้วยอาวุธปืน ศาลลดโทษจากเจตนาฆ่าเป็นป้องกันตัวเกินเหตุ
ผู้ตายเมาสุราส่งเสียงดัง จำเลยตั้งใจจะไปตามตำรวจมาจับและไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดไว้จะขี่ไปพอปลดเกียร์จะไสรถออกจำเลยได้ยินเสียงแกร๊กหันไปดูเห็นผู้ตายยืนอยู่ห่างจำเลย 4 วาในมือผู้ตายถือปืนจ้องมาทางจำเลย ดังนี้ เรียกได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยจึงจำต้องใช้ปืนยิงไปเพื่อป้องกันสิทธิแห่งชีวิตตนหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยินเสียงดังเฉียะ จึงยิงสวนไปนัดหนึ่ง แล้วก็มิได้มีเสียงปืนของผู้ตายดังอีกแต่จำเลยยังยิงไปอีก 4-5 นัด จนผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุที่จะป้องกันตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลลงโทษกระทงหนักสุดได้
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7, 72 อีกสำนวนหนึ่งศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลพิจารณาลงโทษกรรมเดียวเหมาะสมแก่รูปคดี
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7,72 อีกสำนวนหนึ่ง ศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล
of 103