พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การดำเนินคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
เมื่อศาลชั้นต้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเพื่อทำคำให้การแก้คดีแล้ว จำเลยโดย ป. ผู้รับมอบอำนาจได้แต่งตั้งให้ ส.เป็นทนายความของจำเลย ส. ยื่นคำให้การของจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มอบอำนาจให้ ป. ดำเนินคดีแทนดังนั้น การที่ บ. เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยก็ดี แต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายจำเลยก็ดี และการที่ ส.ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีก็ดี จึงเป็นการกระทำของบุคคลภายนอกที่ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทน จำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของบุคคลดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ผูกพันจำเลย
กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบนั้นได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องให้รับผิดร่วมกันอันเป็นหนี้ร่วม ก็สมควรให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างตลอดไปถึงจำเลยอื่นด้วย (วรรคสองอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 345/2520)
กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบนั้นได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องให้รับผิดร่วมกันอันเป็นหนี้ร่วม ก็สมควรให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างตลอดไปถึงจำเลยอื่นด้วย (วรรคสองอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 345/2520)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่เกิดจากการแสดงเจตนาลวงและสมรู้ร่วมกันระหว่างคู่กรณี เป็นโมฆะตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ตามสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง เดิมจำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ให้สามีโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินเดือนฯ ของจำเลยต่อนายจ้างของจำเลย เมื่อนายจ้างของจำเลยส่งเงินมายังกรมบังคับคดีครบตามจำนวนหนี้แล้ว สามีโจทก์จึงขอถอนการอายัดและให้จำเลยไปรับเงินจากกรมบังคับคดีมาให้สามีโจทก์ แต่สามีโจทก์เกรงว่าเมื่อจำเลยรับเงินแล้วจะไม่นำมาให้สามีโจทก์ จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้แก่โจทก์ จำเลยได้รับเงินจากกรมบังคับคดีและมอบให้สามีโจทก์แล้วสามีโจทก์ไม่คืนสัญญากู้ให้ แต่โจทก์กลับนำเอาสัญญากู้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังจำเลยต่อสู้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าสัญญากู้ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาลวงและตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118
จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงตามคำให้การดังกล่าวได้เพราะเป็นการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ที่จะให้จำเลยรับผิดหรืออีกนัยหนึ่งหนี้ที่ระบุในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงตามคำให้การดังกล่าวได้เพราะเป็นการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ที่จะให้จำเลยรับผิดหรืออีกนัยหนึ่งหนี้ที่ระบุในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่เกิดจากการแสดงเจตนาลวงและสมรู้กัน ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ อีกทั้งการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขพยานเอกสาร
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ตามสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง เดิมจำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ให้สามีโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินเดือนฯของจำเลยต่อนายจ้างของจำเลย เมื่อนายจ้างของจำเลยส่งเงินมายังกรมบังคับคดีครบตามจำนวนหนี้แล้วสามีโจทก์จึงขอถอนการอายัดและให้จำเลยไปรับเงินจากกรมบังคับคดีมาให้สามีโจทก์ แต่สามีโจทก์เกรงว่าเมื่อจำเลยรับเงินแล้วจะไม่นำมาให้สามีโจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้แก่โจทก์ จำเลยได้รับเงินจากกรมบังคับคดีและมอบให้สามีโจทก์แล้ว สามีโจทก์ไม่คืนสัญญากู้ให้ แต่โจทก์กลับนำเอาสัญญากู้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังจำเลยต่อสู้ ศาลย่อมวินิจฉัยได้ว่าสัญญากู้ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยการแสดงเจตนาลวงและตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงตามคำให้การดังกล่าวได้เพราะเป็นการนำสืบถึงความไม่มีมูลหนี้ที่จะให้จำเลยรับผิดหรืออีกนัยหนึ่งหนี้ที่ระบุในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหุ้นเป็นประกันการให้สินเชื่อโดยธนาคารพาณิชย์ขัดต่อกฎหมาย และข้อบังคับที่ให้สิทธิยึดหุ้นก่อนบุคคลอื่นเป็นโมฆะ
พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์บัญญัติห้ามมิให้ธนาคารพาณิชย์รับหุ้นของธนาคารพาณิชย์นั้นเป็นประกันการให้สินเชื่อ หรือรับหุ้นของธนาคารพาณิชย์จากธนาคารพาณิชย์อื่นเป็นประกันการให้สินเชื่อ การที่จำเลยซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ ให้ ร. กู้เบิกเงินเกินบัญชี ถือเป็นการให้สินเชื่อตามมาตรา 4 แม้จำเลยจะใช้สิทธิยึดหุ้นของจำเลยจาก ร. ผู้ถือหุ้นไว้เป็นประกันหนี้สินตามข้อบังคับของจำเลยเมื่อ ร. ตกลงจำนำหุ้นไว้กับโจทก์แล้ว อันเป็นการยึดภายหลังจากการทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีหรือการให้สินเชื่อแก่ ร. ก็มีผลเท่ากับจำเลยรับหุ้นของตนเองเป็นประกันการชำระหนี้จึงเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ข้อบังคับของจำเลยในส่วนที่ให้จำเลยมีสิทธิยึดหุ้นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นหนี้จำเลยไว้เป็นประกันต่างหนี้สินได้ก่อนบุคคลอื่นจึงตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยเงินบำเหน็จตกทอดของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตศาล เป็นโมฆะ
เงินบำเหน็จที่จะตกได้แก่บรรดาทายาทผู้มีสิทธิของผู้ตาย ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ.2494 นั้น มิใช่มรดกของผู้ตาย
การที่จำเลยแจ้งให้กรมการเงินกระทรวงกลาโหมหักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายเพื่อใช้หนี้จำเลยนั้น เป็นการมอบหมายให้เป็นตัวแทนในการเจรจาตกลงกับทายาทผู้ตาย
การที่มารดาโจทก์ไปตกลงให้หักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายที่จะได้แก่โจทก์บางส่วนชำระหนี้แก่จำเลยนั้น เป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่งที่ได้กระทำไปแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และเป็นผลให้โจทก์ต้องชำระหนี้เมื่อมารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(13) ข้อตกลงดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะจำเลยไม่มีมูลที่จะอ้างเพื่อการชำระหนี้จากโจทก์ได้
การที่จำเลยแจ้งให้กรมการเงินกระทรวงกลาโหมหักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายเพื่อใช้หนี้จำเลยนั้น เป็นการมอบหมายให้เป็นตัวแทนในการเจรจาตกลงกับทายาทผู้ตาย
การที่มารดาโจทก์ไปตกลงให้หักเงินบำเหน็จตกทอดของผู้ตายที่จะได้แก่โจทก์บางส่วนชำระหนี้แก่จำเลยนั้น เป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่งที่ได้กระทำไปแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และเป็นผลให้โจทก์ต้องชำระหนี้เมื่อมารดาโจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลจึงเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574(13) ข้อตกลงดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะจำเลยไม่มีมูลที่จะอ้างเพื่อการชำระหนี้จากโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขาย: การชำระเงินครบถ้วนหลังทำสัญญาไม่ทำให้กลายเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด
ข้อความในเอกสารสัญญามีว่า จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ราคา 36,000 บาท โดยโจทก์ชำระราคาให้จำเลยแล้วในวันทำสัญญา 32,000 บาท ส่วนอีก 4,000 บาท จะชำระให้เมื่อทำการโอน ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจะซื้อขาย แม้ต่อมาโจทก์ชำระเงินที่ค้างอีก 4,000 บาท ให้จำเลยหลังจากทำสัญญาจะซื้อขายกันแล้ว ก็เป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น ไม่เป็นเหตุให้เอกสารสัญญาดังกล่าวกลายเป็นสัญญาซื้อขายเด็ดขาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ ราคาสินไถ่เป็นโมฆะตามไปด้วย ผู้รับซื้อฝากต้องคืนเงินสินไถ่ที่รับไว้
สัญญาขายฝากฉบับที่ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ ราคาสินไถ่ที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ และทำให้รายการผ่อนชำระราคาสินไถ่ตามสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะไปด้วย ทั้งไม่สามารถแยกออกต่างหาก ให้เป็นส่วนที่สมบูรณ์ได้ส่วนเงินสินไถ่บางส่วนที่จำเลยรับไว้ก็เพื่อผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ขายฝากตามสัญญาฉบับที่จดทะเบียนนั้น เมื่อโจทก์ไม่สามารถจะไถ่ที่ดินที่ขายฝากคืนเพราะเกินกำหนดเวลาไถ่จำเลยผู้รับซื้อฝากต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในโค: การซื้อขายสัตว์พาหนะที่ยังไม่เข้าข่ายต้องทำตั๋วรูปพรรณไม่เป็นโมฆะ
โคของกลางผู้ร้องซื้อมาเมื่อโคยังเล็ก อายุประมาณ 2 ปีย่อมใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานไม่ได้ จึงยังไม่มีตั๋วรูปพรรณทั้งไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติ สัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482มาตรา 8 ที่จะต้องทำตั๋วรูปพรรณ แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ก็ไม่เป็นโมฆะโคของกลางตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์โค: การซื้อขายสัตว์พาหนะที่ยังไม่ถึงเกณฑ์จดทะเบียน ไม่ตกเป็นโมฆะ
โคของกลางผู้ร้องซื้อมาเมื่อโคยังเล็ก อายุประมาณ 2 ปี ย่อมใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานไม่ได้ จึงยังไม่มีตั๋วรูปพรรณทั้งไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติ สัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มาตรา 8 ที่จะต้องทำตั๋วรูปพรรณ แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ก็ไม่เป็นโมฆะ โคของกลางตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินไม่ระบุราคา โมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และอำนาจศาลในการบังคับค่าฤชาธรรมเนียมคนอนาถา
จำเลยกู้เงินโจทก์ แล้วมอบนาพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย ในสัญญากู้มีข้อความว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินต้นและดอกเบี้ยมาชำระภายในหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญา จำเลยยอมยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แทนเงินกู้ แต่มิได้ระบุว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด เท่ากับราคาในท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบหรือไม่ข้อสัญญาดังกล่าวนี้จึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรคสอง และตกเป็นโมฆะตามวรรคสาม
จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจกำหนดให้โจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะส่วนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158
จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจกำหนดให้โจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะส่วนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158