พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องร้องซื้อขายที่ดิน การเปลี่ยนแปลงคำขอในชั้นศาลต้องไม่เกินกรอบฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าซื้อที่จากจำเลย 7 ไร่เศษ (ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน 7 ไร่ 1 งาน 25 วา) จำเลยฉ้อโกงเอาที่ของโจทก์ 3 ไร่ เศษไปขายผู้อื่น ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เมื่อทำแผนที่วิวาทโจทก์นำชี้รวมเนื้อที่ 11 ไร่เศษจำเลยนำชี้ว่าขายโจทก์ 8 ไร่เศษตรงตามรูปแผนที่หลังหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งไม่คลุมถึงที่รายพิพาทดังนี้เมื่อโจทก์จะขอสืบต่อไปถึงเรื่องครอบครองที่รายพิพาทซึ่งมิได้กล่าวอ้างไว้ในฟ้องจึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็นสืบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และอายุความ การยอมสละข้อโต้เถียงในชั้นศาลมีผลอย่างไรต่อการวินิจฉัยคดี
ได้ความตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย ที่พิพาทมีโฉนดจำเลยให้การไม่รับรองโฉนด หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นสมยอมไม่สุจริตจำเลยไม่ได้อาศัยที่พิพาทนายนวมให้จำเลยๆ ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนดจำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้วการรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนดจำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้วการรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว, ฟ้องเคลือบคลุม, การครอบครองปรปักษ์ และการยกเหตุไม่รับคำร้องของศาล
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 มิได้ห้ามเด็ดขาดว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิที่ดินไม่ได้ และแม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตามอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะยกขึ้นพิจารณาหรือไม่ตาม วิ.แพ่ง ม.225 วรร 2 ประกอบด้วย ม. 247
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องและจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตาม วิ.แพ่ง ม.226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตาม ป.วิ.แพ่ง ม.88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องและจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตาม วิ.แพ่ง ม.226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตาม ป.วิ.แพ่ง ม.88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว, การครอบครองปรปักษ์, และความชัดเจนของฟ้องคดี
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486มิได้ห้ามเด็ดขาดว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ได้ และแม้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตามก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะยกขึ้นพิจารณาหรือไม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสองประกอบด้วย มาตรา 247
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยยื่นคำให้การเพิ่มเติมอ้างว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นประการใดจึงหมดสิทธิอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ถือกรรมสิทธิในที่ดินโดยพี่สาวโจทก์ซื้อมาแล้วตกได้แก่โจทก์จำเลยขัดขวาง แม้โจทก์มิได้บรรยายลักษณะที่ดินและโจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารซื้อขายก็ตามก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยเข้าใจฟ้องได้แล้วส่วนสำเนาเอกสารโจทก์จะต้องส่งหรือไม่นั้นเป็นเรื่องรับฟังพยานเอกสารได้หรือไม่เพียงใดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1652/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองเพื่อรักษาไว้เป็นของกลาง ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ
โจทก์จำเลยพิพาทเป็นคดีสองเรื่อง ๆ หนึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้เฉพาะสำนวนมีทุนทรัพย์ให้แบ่งทรัพย์ที่ฟ้องคนละครึ่ง จำเลยเป็นฝ่ายฎีกาขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ในคดีพิพาทไม่มีทุนทรัพย์ทั้งไม่มีเหตุสำหรับฎีกา ประกอบทั้งคดีที่พิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามวิ.แพ่ง ม. 248 และถือว่าจำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาทคดีเดียว
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มมอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฎว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวก่อนเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มมอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฎว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวก่อนเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651-1652/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครอง: การครอบครองเพื่อรักษาเป็นของกลาง ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
โจทก์จำเลยพิพาทเป็นคดีสองเรื่อง เรื่องหนึ่งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อีกคดีหนึ่งเป็นคดีพิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้เฉพาะสำนวนมีทุนทรัพย์ให้แบ่งทรัพย์ที่ฟ้องคนละครึ่ง จำเลยเป็นฝ่ายฎีกาขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร ในคดีพิพาทไม่มีทุนทรัพย์ทั้งไม่มีเหตุสำหรับฎีกา ประกอบทั้งคดีที่พิพาทกันโดยไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และถือว่าจำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาทคดีเดียว
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยผู้มีชื่อยกให้โจทก์เข้าปกครองมา 25 ปีแล้ว เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้มีชื่อหาได้ยกที่ให้โจทก์ไม่ เป็นแต่มอบให้โจทก์และผู้อื่นปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ และจะขอศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ไม่ได้
การปกครองรักษาที่พิพาทไว้ในฐานะของกลางตามคำสั่งของผู้ตายโดยไม่ปรากฏว่าผู้ครอบครองจะไม่ปกครองที่พิพาทไว้ตามคำสั่งของผู้ตาย ภายหลังจากผู้ตายได้ตายแล้ว กับทั้งผู้ครอบครองไม่เคยแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทรายนี้ การเสียภาษีบำรุงท้องที่ผู้อื่นก็เป็นผู้เสีย ดังนี้ ถือว่าเป็นการปกครองรักษาไว้เป็นของกลางเท่านั้น มิใช่เป็นการปกครองเพื่อเอากรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าและการครอบครอง: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่าเมื่อสัญญาหมดอายุและการไม่มีสิทธิในทรัพย์สินเนื่องจากไม่ได้เข้าครอบครอง
ข้อเท็จจริงได้ความว่าห้องแถวและโรงโจทก์เช่ามามีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าทั้งได้ความว่าโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทนี้เลยดังนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิในห้องแถวและโรง เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าต่อมาและเข้ารื้อห้องแถวและโรงจึงไม่เป็นการกระทำละเมิดสิทธิ์ต่อโจทก์และไม่มีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าและการครอบครอง: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโดยผู้เช่าต่อมาไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เช่าเดิมที่ยังมิได้เข้าครอบครอง
ข้อเท็จจริงได้ความว่าห้องแถวและโรงโจทก์เช่ามามีกำหนด1 ปีครบกำหนดผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาเช่า ทั้งได้ความว่าโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทนี้เลย ดังนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิในห้องแถวและโรง เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าต่อมาและเข้ารื้อห้องแถวและโรง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดสิทธิต่อโจทก์ และไม่มีความผิดฐานบุกรุกเคหสถานของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทำประโยชน์เป็นหลักฐานสำคัญ การขึ้นบัญชีสำรวจและเสียค่าบำรุงท้องที่มิใช่การครอบครองตามกฎหมาย
การขึ้นบัญชีสำรวจและการเสียค่าบำรุงท้องที่เป็นแต่เพียงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งอันจะแสดงว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์หรือไม่เท่านั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติโดยตรงว่าเป็นการครอบครองตาม กฎหมาย
แม้จะเป็นผู้มีชื่อในบัญชีสำรวจและเป็นผู้เสียค่าบำรุงท้องที่ก็ตามแต่ไม่ได้ครอบครองที่นั้นๆแล้วก็หาได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองและหามีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองโดยแท้จริงไม่
แม้จะเป็นผู้มีชื่อในบัญชีสำรวจและเป็นผู้เสียค่าบำรุงท้องที่ก็ตามแต่ไม่ได้ครอบครองที่นั้นๆแล้วก็หาได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองและหามีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองโดยแท้จริงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุการใช้ทางและการเกิดสิทธิภาระจำยอม: การใช้ทางเพียง 6 ปีไม่เพียงพอต่อการเกิดสิทธิภาระจำยอม
การที่โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินมาเพียง 6 ปี เท่านั้น (ไม่ถึง 10 ปี) ยังหาทำให้เกิดสิทธิเป็นทางภาระจำยอมไม่
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางภาระจำยอม จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีทางในที่ของจำเลย โจทก์ไม่เคยเดินในที่จำเลย เช่นนี้ก็คือจำเลยปฏิเสธว่าไม่มีทางภาระจำยอมตามฟ้องนั่นเอง เมื่อโจทก์มาสืบว่าได้เดินผ่านที่จำเลยมา 18 ปี ตั้งแต่เข้าอยู่ในที่ที่ซื้อนายปัด จำเลยก็ย่อมนำสืบคัดค้านได้ว่าโจทก์ซื้อและเข้าอยู่ในที่นายปัดเมื่อ 6 ปีมานี้เอง เป็นการสืบหักล้างพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางภาระจำยอม จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีทางในที่ของจำเลย โจทก์ไม่เคยเดินในที่จำเลย เช่นนี้ก็คือจำเลยปฏิเสธว่าไม่มีทางภาระจำยอมตามฟ้องนั่นเอง เมื่อโจทก์มาสืบว่าได้เดินผ่านที่จำเลยมา 18 ปี ตั้งแต่เข้าอยู่ในที่ที่ซื้อนายปัด จำเลยก็ย่อมนำสืบคัดค้านได้ว่าโจทก์ซื้อและเข้าอยู่ในที่นายปัดเมื่อ 6 ปีมานี้เอง เป็นการสืบหักล้างพยานโจทก์