พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาต้องอ้างเหตุโต้แย้งคำสั่งศาลก่อน และการพิสูจน์ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม
การฎีกาโต้แย้งคำสั่งของศาลที่สั่งก่อนมีคำพิพากษาหรือคำชี้ขาดตัดสินคดีนั้น จะต้องได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้แล้วจึงจะฎีกาได้ตาม มาตรา226 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตาม มาตรา1656 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องถามผู้อาพาธ3ครั้ง3หน พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์
ตาม มาตรา1656 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องถามผู้อาพาธ3ครั้ง3หน พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่ถือว่าเป็นการไม่รับคำให้การ ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาได้ แม้คำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลยคดีจึงปรับเข้าอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: คำร้องขอประกันตัวไม่ใช่คำคัดค้านคำสั่ง
ผู้ร้องถูกศาลสั่งขังในฐานเป็นบริวารของจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำบังคับของศาล สามีผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยและยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ให้ยกคำร้องดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้น เพราะเป็นคำสั่งระหว่างศาลกับสามีผู้ร้องและคำร้องของสามีผู้ร้องก็เป็นเรื่องยื่นขอประกันตัวผู้ร้อง ไม่ใช่เป็นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาลหรือเป็นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาในข้อที่ว่า ผู้ร้องมิใช่บริวาร ศาลจะสั่งขับไล่ผู้ร้องไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: คำร้องขอประกันตัวไม่ใช่คำคัดค้านคำสั่ง หรือข้อโต้แย้งสถานะบริวาร
ผู้ร้องถูกศาลสั่งขังในฐานเป็นบริวารของจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำบังคับของศาล สามีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยและยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยให้ยกคำร้อง ดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้น เพราะเป็นคำสั่งระหว่างศาลกับสามีผู้ร้อง และคำร้องของสามีผู้ร้องก็เป็นเรื่องยื่นขอประกันตัวผู้ร้องไม่ใช่เป็นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาล หรือเป็นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาในข้อที่ว่า ผู้ร้องมิใช่บริวาร ศาลจะสั่งขับไล่ผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71-72/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความก้าวร้าวเสียดสีศาลในฟ้องอุทธรณ์ การละเมิดอำนาจศาล และการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสีคำพิพากษาซึ่งศาลได้กระทำในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศาลสั่งให้แก้ไขข้อความให้เรียบร้อยเสียก่อนก็ยังกล่าวความเช่นนั้นอีก ศาลสั่งให้แก้เป็นครั้งที่ 2 ก็ไม่แก้และยืนยันให้ถือฟ้องอุทธรณ์นั้น ดังนี้ ศาลมีอำนาจสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ได้
ถ้อยคำที่กล่าวในฟ้อง จะมีความหมายธรรมดาถึงขนาดที่จะต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
เรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสี ศาลผู้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นอย่างแรง ศาลสั่งให้แก้ไขเสียให้เรียบร้อยก็คงเรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความอย่างเดิมมายื่นอีก จนศาลสั่งให้แก้ไขเป็นครั้งที่ 2 ก็ยังเรียงคำร้องยื่นต่อศาลขอยืนยันให้รับอุทธรณ์นั้น ดังนี้ถือว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เรียบร้อย อันควรจะนำมายื่นต่อศาลผู้กระทำการในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและ เมื่อศาลสั่งให้แก้ไขความไม่เรียบร้อยนั้นเสียก็ไม่แก้กลับจงใจยืนยันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลสั่งห้ามคู่ความมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยตามอำนาจศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 นั้นอีก จึงเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 31
ถ้อยคำที่กล่าวในฟ้อง จะมีความหมายธรรมดาถึงขนาดที่จะต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
เรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความก้าวร้าวเสียดสี ศาลผู้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นอย่างแรง ศาลสั่งให้แก้ไขเสียให้เรียบร้อยก็คงเรียงฟ้องอุทธรณ์กล่าวข้อความอย่างเดิมมายื่นอีก จนศาลสั่งให้แก้ไขเป็นครั้งที่ 2 ก็ยังเรียงคำร้องยื่นต่อศาลขอยืนยันให้รับอุทธรณ์นั้น ดังนี้ถือว่าเป็นคำกล่าวที่ไม่เรียบร้อย อันควรจะนำมายื่นต่อศาลผู้กระทำการในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและ เมื่อศาลสั่งให้แก้ไขความไม่เรียบร้อยนั้นเสียก็ไม่แก้กลับจงใจยืนยันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ศาลสั่งห้ามคู่ความมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญหรือในทางประวิงให้ชักช้าหรือในทางฟุ่มเฟือยตามอำนาจศาลที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 นั้นอีก จึงเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่เป็นประโยชน์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว แม้จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นก่อนพิพากษา
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฏหมายเบื้องต้นตาม ป.วิ.แพ่ง ม.24 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอของจำเลยเสีย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นคงดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก ดังนี้ ถือว่าคดีย่อมถึงที่สุดเด็ดขาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำขอของจำเลยนั้น จำเลยฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาอีก ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีจำเลยอย่างใด เพราะศาลฎีกาไม่อาจจะพิพากษายกหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ถึงที่สุดเด็ดขาดแล้วนั้นได้ และฎีกาชะนิดนี้ไม่เป็นประเด็นในผลแห่งคดี ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น ไม่ใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 อันจะอุทธรณ์ฎีกาได้ หากแต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเท่านั้น เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัย ชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้พิทักษ์จัดการทรัพย์สินคนใบ้: นิติกรรมที่ทำตามคำสั่งศาลไม่เป็นโมฆะ
คนใบที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้นั้น เมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอต่อศาล ขอเป็นผู้พิทักษ์ และจัดการจำนองหรือขายที่ดินของคนใบ้เพื่อชำระหนี้คนใบ้ จนได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็จัดการจำนองหรือขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการทรัพย์สินของคนไร้ความสามารถโดยผู้พิทักษ์ตามคำสั่งศาล การจำนอง/ขายฝากต้องเป็นไปตามคำสั่ง
คนใบ้ที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้นั้น เมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอต่อศาล ขอเป็นผู้พิทักษ์ และจัดการจำนองหรือขายที่ดินของคนใบ้เพื่อชำระหนี้คนใบ้ จนได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็จัดการจำนองหรือขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการถือว่าทราบคำสั่งเมื่อจดไว้ในคำคู่ความ
กรณีที่ผู้ยื่นคำคู่ความจดไว้ในคำคู่ความว่าจะรอฟังคำสั่งไม่รอฟัง ให้ถือว่าได้ทราบคำสั่งนั้น แม้ผู้ยื่นคำร้องมิได้ฟังคำสั่งก็ถือว่าได้ทราบคำสั่งแล้ว
เรื่องการทิ้งฟ้องตาม ม.174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ โดยอนุโลมผู้อุทธรณ์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่าย 1 ภายในกำหนด ที่ศาลสั่งย่อมเป็นการทิ้งฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายคดี
เรื่องการทิ้งฟ้องตาม ม.174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ โดยอนุโลมผู้อุทธรณ์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่าย 1 ภายในกำหนด ที่ศาลสั่งย่อมเป็นการทิ้งฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายคดี