พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ การลักทรัพย์ และความแตกต่างของเจตนาในการใช้กำลังประทุษร้าย
การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ต้องมุ่งต่อการเอาทรัพย์ หากมีเจตนาอื่น การกระทำนั้นเป็นเพียงลักทรัพย์
การลักทรัพย์ที่จะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 นั้น ในขณะที่ผู้กระทำผิดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเจตนาของผู้กระทำผิดจะต้องเป็นไปเพื่อให้ความสะดวกในการลักทรัพย์ เพื่อพาทรัพย์ไปเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ หรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในขณะที่จำเลยขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยเป็นภรรยาจำเลยให้กลับไปอยู่กับจำเลยอีก แม้สร้อยคอของผู้เสียหายจะขาดติดมือจำเลยไปเมื่อจำเลยดึงคอเสื้อของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็หาเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ไม่ แต่การที่จำเลยได้สร้อยคอของผู้เสียหายแล้วจำเลยเอาไว้เสียโดยทุจริตไม่คืนให้ผู้เสียหายถือได้ว่าเจตนาลักทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงขั้นของการกระทำผิดจากพยายามลักทรัพย์เป็นลักทรัพย์สำเร็จ และผลกระทบต่อการรับฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำการลักทรัพย์ยังไม่บรรลุผลเป็นเพียงขั้นพยายามลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7),80ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่ใช่พยายามกระทำผิด แต่คงให้จำคุกเท่าเดิม การที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ในปัญหาเรื่องขั้นของการกระทำผิดว่ายังอยู่ในขั้นพยายามหรือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วโดยไม่ได้แก้โทษเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: การกระทำที่เข้าข่ายสนับสนุนก่อนกระทำผิด แม้ไม่ได้ร่วมมือขณะลงมือ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมปรึกษาหารือกับจำเลยที่ 3 เพื่อจะไปลักกระบือแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส. ไปซุ่มรอรับกระบือที่หัวทุ่งแล้วจำเลยที่ 3 กับพวกไปต้อนกระบือของผู้เสียหายมาส่งให้จำเลยที่ 1ที่ 2 และ ส. สถานที่ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.รอรับกระบือกับสถานที่ที่จำเลยที่ 3 และพวกไปต้อนกระบือนั้นอยู่ไกลกันมาก เช่นนี้จำเลยที่ 1ที่ 2 ไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมมือกับจำเลยที่ 3 ขณะจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำการลักกระบืออันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นตัวการ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถือได้ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกในการที่จะไปลักกระบือจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากคดีดังกล่าว เพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีก โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากคดีดังกล่าว เพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีก โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการลักทรัพย์: การกระทำที่เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิด แม้ไม่ได้ร่วมมือโดยตรง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมปรึกษาหารือกับจำเลยที่ 3 เพื่อจะไปลักกระบือแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.ไปซุ่มรอรับกระบือที่หัวทุ่งแล้วจำเลยที่ 3 กับพวกไปต้อนกระบือของผู้เสียหายมาส่งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส. สถานที่ที่จำเลยที่1 ที่ 2 และ ส.รอรับกระบือกับสถานที่ที่จำเลยที่ 3 และพวกไปต้อนกระบือนั้นอยู่ไกลกันมาก เช่นนี้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมมือกับจำเลยที่ 3 ขณะจำเลยที่ 3กับพวกกระทำการลักกระบืออันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นตัวการ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถือได้ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกในการที่จะไปลักกระบือจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวเพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีกโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวเพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีกโดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่จ่ายน้ำมันเกินจำนวน
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทค้าน้ำมัน มีหน้าที่เพียงจ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้ที่นำใบสั่งจ่ายมายื่นเท่านั้น น้ำมันเก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีผู้อื่นเป็นผู้จัดการ ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองน้ำมัน เมื่อจำเลยจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่งแล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินนั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่จ่ายน้ำมันเกินจำนวน
จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทค้าน้ำมัน มีหน้าที่เพียงจ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้ที่นำใบสั่งจ่ายมายื่นเท่านั้นน้ำมันเก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีผู้อื่นเป็นผู้จัดการ ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองน้ำมัน เมื่อจำเลยจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่ง แล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินนั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์สินหาย vs. ลักทรัพย์: ศาลต้องลงโทษตามคำขอของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันลักเรือ (สองลำ)ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเก็บเรือซึ่งหลุดลอยอยู่ในแม่น้ำแล้วนำไปซุกซ่อนเบียดบังเอาเป็นของตน อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร โดยมิได้ระบุสถานใดสถานหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือมิฉะนั้นจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร เช่นนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์(อ้างฎีกาที่ 467/2491 และ 212/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์: การกระทำแค่ยืมใช้ชั่วคราวโดยไม่ประสงค์จะเอาไปเป็นของตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยแอบเอารถของผู้เสียหายออกมาเพื่อจะขับไปกินข้าวต้มแล้วจะเอามาคืน แสดงว่าไม่มีเจตนาจะเอารถนั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์