พบผลลัพธ์ทั้งหมด 132 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5339/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการบริษัท: การตีความหนังสือมอบอำนาจ
แม้หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจะมีข้อความในตอนต้นระบุไว้เพียงว่า " ช.ขอมอบอำนาจให้ส. เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของข้าพเจ้าโดยให้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีกับกรมศุลกากรตามใบขนสินค้าขาเข้า..." โดยมิได้ระบุไว้ในตอนนี้ว่า ช. ได้มอบอำนาจในฐานะใดก็ตาม แต่เมื่อ ช. ซึ่งเป็นกรรมการแต่ผู้เดียวที่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้โดยต้องประทับตราของบริษัทเป็นสำคัญด้วยได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจนั้น และได้มีการประทับตราของโจทก์ไว้ในช่องที่ ช. ลงลายมือชื่อด้วย ซึ่งกิจการที่มอบให้กระทำตามใบมอบอำนาจนี้ก็เป็นกิจการของโจทก์ จึงไม่มีกรณีที่จะแปลใบมอบอำนาจนี้เป็นอย่างอื่นได้นอกเหนือจาก ช. ในฐานะผู้แทนของโจทก์มอบอำนาจให้ ส. กระทำการตามที่ปรากฏในใบมอบอำนาจแทนโจทก์ก็ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5339/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการบริษัท: การมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนโจทก์โดยประทับตราบริษัท
ช.กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส.ดำเนินคดีต่อจำเลยโดยระบุว่า"ช.ขอมอบอำนาจให้ ส.เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของข้าพเจ้าโดย ให้มีอำนาจฟ้องกรมศุลกากร..." มิได้ระบุว่า ช. ได้มอบอำนาจในฐานะใด แต่เมื่อช.ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของโจทก์ไว้ ในช่องลายมือชื่อผู้มอบอำนาจ และกิจการที่มอบให้ ส.ฟ้อง ก็เป็นกิจการของโจทก์ ดังนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจให้ ส.ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหุ้นที่มีการลงนามและประทับตราจากกรรมการบริษัท ย่อมใช้ยันบริษัทได้ แม้ไม่ได้จดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้น
เมื่อการโอนหุ้นมีกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทลงชื่อเป็นพยานพร้อมกับประทับตราสำคัญของบริษัท แม้จะไม่มีการจดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักงานผู้รับโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น การโอนนั้นสามารถใช้ยันบริษัทได้ ไม่เป็นกรณีที่ต้องตกอยู่ในบังคับมาตรา 1129วรรคสาม ความรับผิดของผู้โอนสำหรับจำนวนเงินในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1133 นั้น หมายถึงความรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัทที่ผู้โอนเคยถือหุ้นอยู่ หาได้หมายถึงว่าผู้โอนยังต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบต่อบริษัท ทั้งที่ได้โอนหุ้นนั้นไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4056/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทและการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยทนายความที่ได้รับมอบอำนาจชอบด้วยกฎหมาย ศาลอนุญาตถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ได้
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนทนายความคนเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ตามคำร้อง ของ กรรมการชุดใหม่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 คัดค้านการแต่งตั้งทนายความคนใหม่ของจำเลยที่ 1 หรือคัดค้านว่าผู้กระทำการแทนจำเลยที่ 1ไม่ใช่กรรมการของจำเลยที่ 1 หรือคัดค้านว่าหนังสือรับรองแนบท้ายคำร้องไม่ถูกต้อง ทนายความคนใหม่ของจำเลยที่ 1จึงเป็นทนายความของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของศาล ตามหนังสือแต่งตั้งทนายความจำเลยที่ 1 ให้อำนาจทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาไปในทางจำหน่ายสิทธิเช่น การประนีประนอมยอมความ การที่ทนายความของจำเลยที่ 1ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ทั้งสองจึงได้กระทำภายในขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 1 โดยชอบ โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นของจำเลยที่ 1ให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 และฟ้องจำเลยที่ 3ในฐานะนายทะเบียนหุ้นซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1และอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 เป็นการฟ้องขอให้บังคับ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ปฏิบัติการชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนหุ้นให้แก่โจทก์ทั้งสองและศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้วทั้งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 อีกต่อไปโจทก์ทั้งสองจึงไม่จำเป็นต้องฟ้องร้อง เพื่อบังคับคดีกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 อีก การถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ชอบที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลภาษีอากร: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกรรมการบริษัทที่ทำให้บริษัทเสียหาย ไม่ใช่คดีภาษี
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคสองโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ได้ แต่ก็เป็นสิทธิเรียกร้องที่จะเอาค่าสินไหมทดแทน มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 จึงมิใช่เป็นการฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ชำระค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์ กรณีมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากร ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรฯมาตรา 7(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลภาษีอากร: การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกรรมการบริษัท ไม่ใช่คดีภาษี
แม้ว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 วรรคสองโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ภาษีอากรของบริษัทจำเลยที่ 1 จะมีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการที่ทำให้เกิดเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงสิทธิเรียกร้องที่จะเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 เท่านั้น มิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากรที่มีต่อจำเลยที่ 2แต่ประการใด การที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 เช่นนี้ จึงมิใช่เป็นการฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ชำระค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์โดยตรงคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7(2)โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลภาษีอากรกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้าง แม้เป็นกรรมการบริษัท
แม้โจทก์เป็นกรรมการบริษัทจำเลยและมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไป มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลย โจทก์คงเป็นลูกจ้างของจำเลยเมื่อหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของจำเลยไม่มีข้อจำกัดว่าพนักงานระดับผู้บังคับบัญชาไม่มีสิทธิได้รับ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของจำเลยกำหนดว่ากรณีที่พนักงานจะไม่ได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่หรือทุจริต ต้องปรากฏว่าพนักงานผู้นั้นถูกไล่ออกเพราะเหตุนั้น หรือกระทำการอย่างอื่นซึ่งจำเลยพิจารณาเห็นสมควรเลิกจ้างโดยมิต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อปรากฏว่าโจทก์ลาออกเองโดยไม่ถูกไล่ออกหรือเลิกจ้างด้วยเหตุดังกล่าวโจทก์จึงไม่ถูกตัดสิทธิมิให้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของจำเลยกำหนดว่ากรณีที่พนักงานจะไม่ได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่หรือทุจริต ต้องปรากฏว่าพนักงานผู้นั้นถูกไล่ออกเพราะเหตุนั้น หรือกระทำการอย่างอื่นซึ่งจำเลยพิจารณาเห็นสมควรเลิกจ้างโดยมิต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า เมื่อปรากฏว่าโจทก์ลาออกเองโดยไม่ถูกไล่ออกหรือเลิกจ้างด้วยเหตุดังกล่าวโจทก์จึงไม่ถูกตัดสิทธิมิให้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการบริษัท: การมอบอำนาจที่ถูกต้องตามหนังสือรับรองและตราสำคัญบริษัท
หนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้องมิได้มีข้อจำกัดอำนาจของกรรมการไว้ ผู้ลงชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นกรรมการของบริษัท และประทับตราสำคัญของบริษัท แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทมาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบแล้วว่า กรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ซึ่งไม่ขัดกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้อง ทั้งฝ่ายจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด หากศาลสงสัยว่าใบมอบอำนาจกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์ส่งหนังสือรับรองอำนาจจัดการของโจทก์ของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 66 ถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการบริษัท: หนังสือมอบอำนาจเพียงพอ แม้ไม่มีหนังสือรับรอง
โจทก์บรรยายฟ้องระบุชื่อ กรรมการของบริษัททั้ง 6 คน และบรรยายฟ้องด้วย ว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้ คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท การฟ้องคดี นี้บริษัทโจทก์โดย ส. กับ ว. กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญมอบอำนาจให้ ธ. เป็นโจทก์ แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครมาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำแทนบริษัทได้ ก็ตาม แต่ เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้อง และนำสืบแล้ว จึงถือ ได้ ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้อง คดีนี้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรรมการบริษัท: หนังสือมอบอำนาจ & ข้อจำกัดในหนังสือรับรอง
หนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้องมิได้มีข้อจำกัดอำนาจของกรรมการไว้ ผู้ลงชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นกรรมการของบริษัท และประทับตราสำคัญของบริษัท แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทมาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบแล้วว่า กรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ซึ่งไม่ขัดกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้อง ทั้งฝ่ายจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด หากศาลสงสัยว่าใบมอบอำนาจกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์ส่งหนังสือรับรองอำนาจจัดการของโจทก์ของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 66 ถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แล้ว.