พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดหลายบท: การผลิตและครอบครองกัญชา
จำเลยได้ผลิตยาเสพติดให้โทษ โดยการเพาะปลูกกัญชาและมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาที่ปลูกดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาต ต้นกัญชาของกลางเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำความผิดฐานปลูกกัญชาย่อมเป็นธรรมดาว่า เมื่อกัญชาที่จำเลยปลูกเจริญงอกขึ้นมาเป็นต้นกัญชาแล้ว ต้นกัญชาเหล่านั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองด้วย การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับกัญชาของกลางในคดีนี้มีเพียงกรรมเดียวเท่านั้นแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีกัญชาและเมล็ดกัญชาเป็นความผิดกรรมเดียวตามกฎหมายยาเสพติดให้โทษ
การมีกัญชาไว้ในครอบครองเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กัญชาและเมล็ดกัญชาก็คือกัญชาตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้น การที่จำเลยมีกัญชาและเมล็ดกัญชาในขณะเดียวกัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีกัญชาและเมล็ดกัญชาเป็นความผิดกรรมเดียวตามพรบ.ยาเสพติดฯ
การมีกัญชาไว้ในความครอบครองเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้กัญชาและเมล็ดกัญชาก็คือกัญชาตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้น การที่จำเลยมีกัญชาและเมล็ดกัญชาในขณะเดียวกัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จึงเป็นการกระทำผิด เพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีกัญชา พยายามส่งออก และส่งของต้องจำกัดออกนอกราชอาณาจักร ต้องลงโทษทุกกรรม
การที่จำเลยร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และนำกัญชาดังกล่าวเข้าไปในบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง อันเป็นด่านนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านด่านศุลกากรดอนเมืองตามกฎหมาย เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเครื่องบินแต่กัญชาถูกเจ้าพนักงานตรวจพบเสียก่อนและยึดไว้ ย่อมเป็นความผิดฐานมีกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง ฐานพยายามส่งกัญชาออกไปนอกราชอาณาจักรกระทงหนึ่ง และฐานส่งของที่ยังมิได้เสียภาษี ฤาของต้องจำกัด ฤาของต้องห้าม ฤาของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรออกไปนอกพระราชอาณาจักรอีกกระทงหนึ่ง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 448/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีกัญชา, พยายามส่งออก, และส่งของต้องจำกัดออกนอกราชอาณาจักร
การที่จำเลยร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และนำกัญชาดังกล่าวเข้าไปในบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง อันเป็นด่านนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านด่านศุลกากรดอนเมืองตามกฎหมาย เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรโดยเครื่องบิน แต่กัญชาถูกเจ้าพนักงานตรวจพบเสียก่อนและยึดไว้ ย่อมเป็นความผิดฐานมีกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง ฐานพยายามส่งกัญชาออกไปนอกราชอาณาจักรกระทงหนึ่ง และฐานส่งของที่ยังมิได้เสียภาษี ฤาของต้องจำกัดฤาของต้องห้ามฤา ของที่ยังมิได้ผ่านด่านศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักรอีกกระทงหนึ่ง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 448/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดและกัญชา: ศาลฎีกาตัดสินยืนตามคำฟ้องเดิมเรื่องการครอบครองยาเสพติดและเพิ่มโทษฐานครอบครองกัญชา
ตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีน กัญชา และบ้องกัญชาเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดฯ พ.ศ.2465 มาตรา 20 ทวิฉบับที่ 4 พ.ศ.2504 มาตรา 6 กระทงหนึ่ง ผิดตาม พระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ.2477 มาตรา 102 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมต่างกันของการมีและสูบกัญชา
ตามฟ้องโจทก์บรรยายแยกกันมาว่า จำเลยมีกัญชากระทงหนึ่งและสูบกัญชาอีกกระทงหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพจึงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การมีกัญชาครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีกัญชา 19 ห่อ น้ำหนัก 122.550 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยขายกัญชา 1 ห่อใหญ่ น้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด แต่ไม่เกิน 122.550 กรัม อันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่ากัญชาที่จำเลยจำหน่ายมีน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัดแต่ไม่เกินกว่า 122.550 กรัม จึงอาจแปลความได้ว่ากัญชาที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับมีน้ำหนักน้อยกว่า 122.550 กรัม ก็ได้ หรือมีน้ำหนักเท่ากับ 122.550 กรัม ก็ได้ กรณีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงเป็นคุณแก่จำเลยว่า จำเลยจำหน่ายกัญชาน้ำหนัก 122.550 กรัม ให้แก่สายลับ เมื่อกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวกัน แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดหลายกรรมต่างกรรมกัน แต่การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามที่โจทก์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6528/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท – ยาเสพติดประเภท 5 (กัญชา, กระท่อม) – โทษจำคุกและปรับ
ความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ส่วนความผิดฐานมีพืชกระท่อมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษตามมาตรา 76 วรรคสอง และยาเสพติดทั้งสองชนิดซึ่งเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดดังกล่าว กฎหมายถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เช่นเดียวกัน โดยบัญญัติบทความผิดกับบทลงโทษในบทมาตราเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 4 มีไว้ในครอบครองในขณะเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์บรรยายฟ้องแยกเป็นความผิดแต่ละกรรมโดยชัดแจ้ง และขอให้ลงโทษทุกกรรม ก็ไม่ทำให้การกระทำความผิดของจำเลยที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พืชกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดโทษ ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีเก่า
ทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบได้ต้องเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 3 บัญญัตินิยามคำว่า "ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด" หมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด และให้หมายความรวมถึง การสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย และนิยามคำว่า "ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด" หมายความว่า เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับมาเนื่องจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และให้หมายความรวมถึง เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยการใช้เงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว ซื้อหรือกระทำไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ให้เงินหรือทรัพย์สินนั้นเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนสภาพกี่ครั้ง และไม่ว่าเงินหรือทรัพย์สินนั้นจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น โอนไปเป็นของบุคคลอื่นหรือปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนว่าเป็นของบุคคลอื่นก็ตาม คดีนี้ผู้ร้องบรรยายคำร้องเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558 เวลา 11.30 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกันจับกุม ว. (ผู้คัดค้านที่ 1) ย. ป. และ จ. พร้อมยึด กัญชาแห้งอัดแท่ง 747 แท่ง น้ำหนักรวม 772.30 กิโลกรัม อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ต่อมาผู้ร้องยื่นฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกดังกล่าวต่อศาลชั้นตันเป็นคดีหมายเลขดำที่ 3685/2558 (หลังจากนั้นศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุกผู้คัดค้านที่ 1 มีกำหนด 15 ปี และปรับ 900,000 บาท ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1740/2559) ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ออกใช้บังคับ ซึ่งมีผลให้พืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 อีกต่อไป การผลิต นำเข้า ส่งออกจำหน่าย หรือมีพืชกัญชาไว้ในครอบครองจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26/2, 26/3, 75, 76 และ 76/1 และ ป.ยาเสพติด มาตรา 93, 148 ตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพันจากการเป็นผู้กระทำความผิด และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (5) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3 ถ้าได้มีคำพิพากษาถึงสุดให้ลงโทษแล้ว ก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง เมื่อพืชกัญชา ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ฉะนั้น การกระทำของผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกตามที่ผู้ร้องบรรยายมาในคำร้องจึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และไม่ปรากฏจากคำร้องของผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกและผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษโดยประการอื่น ทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสามจึงไม่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดที่ศาลจะสั่งริบได้ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29 อีกต่อไป ประกอบกับไม่ปรากฏว่าเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสั่งให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาดไปแล้ว จึงต้องคืนทรัพย์สินดังกล่าวแก่เจ้าของและผู้คัดค้านทั้งสามแต่ทรัพย์สินรายการที่ 8 และที่ 11 ไม่มีผู้ใดยื่นคำคัดค้านแสดงตนเป็นเจ้าของเข้ามาในคดี จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของที่แท้จริงจะมาแสดงตนและขอรับคืนในภายหลัง ปัญหาดังกล่าวล้วนเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 225 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 3